วุ้นเส้น วิริฒิพา ทุ่มเงิน 8 หลัก ปั้นแบรนด์ความงาม โดดชิมลางธุรกิจแสนล้านบาท
ถือเป็นสาวมั่นสุดเซ็กซี่อีกคนที่หันมาทำธุรกิจของตนเองสำหรับ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ที่ทุ่มทั้งกาย-ใจปั้นแบรนด์สกินแคร์โดยใช้เวลากว่า 1 ปีกว่าจะลงตัว และคิกออฟผลิตภัณฑ์ให้แฟนๆ รวมถึงผู้บริโภคได้เข้าถึงความงามสไตล์วุ้นเส้นจนปัจจุบันแบรนด์ที่ชื่อว่า "SEWA" มีอายุครบ 3 ปีแล้ว
แน่นอนว่ากว่าจะเป็นแบรนด์ที่ "SEWA" ได้จนถึงทุกวันนี้ไม่ง่ายเลยต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าจะได้นำมาจัดจำหน่ายในท้องตลาด Sanook Money ได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับมุมมองการทำธุรกิจ และกลยุทธ์ในการทำการตลาดสไตล์วุ้นเส้นมาฝากกัน
วุ้นเส้น เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่อยากมีแบรนด์เครื่องสำอาง เพราะส่วนตัวเป็นคนสนใจเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว และมีประสบการณ์จากการทำงานในวงการบันเทิงมาพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องความงาม จึงหันมาทำธุรกิจความงานควบคู่กับงานในวงการบันเทิงด้วย เพื่อที่จะได้แชร์ความงานสไตล์วุ้นเส้นให้ทุกคนได้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น โดยใช้เวลากว่า 1 ปี ทั้งการวางแผน การสำรวจความต้องการของสาวไทยที่มองหาสกินแคร์ ตอบโจทย์ทั้งด้านความขาวกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน จากนั้นก็มองหาวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ตอบโจทย์สาวไทย และตัดสินใจบินไปคัดเลือกทุกอย่างเองที่ประเทศเกาหลีใต้
สำหรับจุดเด่นของสกินแคร์ภายใต้ชื่อ "SEWA" นั้นจะใช้วัตถุดิบที่มาจากประเทศเกาหลีเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะโสมเกาหลีที่มีสรรพคุณเป็นยา ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก ช่วยปรับสมดุลผิว ลดเลือนริ้วรอย ผิวพรรณกระจ่างใส และสุขภาพดี จึงตัดสินใจทุ่มเงินนับ 8 หลัก จัดการทั้งการผลิตสกินแคร์ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดก่อนนำสินค้าไปขาย ส่งผลให้แบรนด์ "SEWA" ในปัจจุบันยอดขายก็เติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตลาด Mass ซึ่งมีผู้หญิงที่มีช่วงอายุ 20-50 ปี ที่สนใจความสวยความงามเช่นเดียวกับวุ้นเส้น โดยจำหน่ายสินค้าทั้งทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ขายผ่านตัวแทนจำหน่าย รวมถึง EVE AND BOY และ Watson เมื่อต้นปี 2018
นอกจากนี้ วุ้นเส้น บอกว่า แผนปีหน้าของแบรนด์ "SEWA" นั้น จะทุ่มงบราว 10 ล้านบาท ทั้งการโปรโมทสินค้าผ่านทางโฆษณาทีวี, โฆษณา Billboard รวมถึงลงทุนกับ Presenter แบรนด์มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 60% และเน้นการตลาดเชิงออนไลน์ด้วยอีก 40%
"SEWA" ถือเป็นหนึ่งในสินค้าความงานที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์ของวุ้นเส้นทำขึ้นเองเป็นการการันตีส่วนหนึ่งแล้ว อีกส่วนหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีโอกาสโตสวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดเครื่องอาสำอางไทยปี 2562-2566 จะโตที่ 7.14% จากอัตราการเติบโตของปี 2560 ที่มีมูลค่าราว 1.68 แสนล้านบาท โดยสัดส่วนสกินแคร์มีสูงถึง 47% รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผม 18% เครื่องสำอาง 14% ผลิตภัณฑ์ทำความสำอาดร่างกาย 16% และน้ำหอม 5% ตามลำดับ
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ