“PRYYA” ชู “Compelling Love” กรุยทางหวังโต 30% รับปีหนูทอง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เพชร” เป็นอัญมณีซึ่งมีค่ามากที่สุด และมักถูกนำมาเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่ไม่ได้มีแค่ความสวย แต่ยังพ่วงความฉลาด เก๋ เท่ห์ ดูโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เธอมีค่าดุจเพชรเม็ดงาม ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เปล่งแสงเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์ PRYYA (พรียา) ภายใต้การบริหารงานของสาวเก่ง แถม เปรี้ยวจี๊ด อย่าง ปรียสุดา อัครศรีสวัสดิ์ ที่ล่าสุด Refresh Brand ด้วยการเปิดตัวร้านใหม่ ที่ศูนย์การค้าเกษร วิลเลจ พร้อมมินิ คอลเลคชั่นใหม่ “Compelling Love” ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์เลื้อยคลานและมีพิษร้ายแรง อย่าง งู เข้ามาช่วยรังสรรค์รูปแบบตัวเรือน ให้มีความอ่อนช้อยอย่างธรรมชาติ น่าค้นหา มีสเน่ห์ น่าหลงหลง เหมือนการเคลื่อนไหวและรูปลักษณ์ของงู สะท้อนอารมณ์ความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ทั้งหญิงชายได้อย่างลงตัว และ ยังเพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยการบิดองศาของตัวเรือน ทำให้เกิดแบบใหม่ๆ เวลาสวมใส่ทิ้งความจำเจการสวมใส่เพชรในรูปแบบเดิมโดยสิ้นเชิง
ปรียสุดา อัครศรีสวัสดิ์ ผู้บริหารแบรนด์ PRYYA (พรียา) ยังบอกด้วยว่า มินิ คอลเลคชั่น “Compelling Love” มีทั้งแหวน ต่างหู กำไร และ มีด้วยกัน 3 สี ประกอบด้วย Pink gold, white gold และ yellow gold นอกจากดีไซน์ที่ โดดเด่น ล้ำสมัยแล้ว ทางแบรนด์ยังคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้งาน เนื่องจากการสวมใส่เพชรในปัจจุบันไม่ใช่แค่ความหรูหรา หรือ การเสริมบุคลิกภาพ เพียงเท่านั้น แต่การสวมใส่เพชรได้ทุกวันเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ดังนั้น ทางแบรนด์จึงใส่ใจเรื่องนี้ และปรับแก้ดีไซน์ มินิ คอลเลคชั่น Compelling Love อยู่นานหลายเดือน จนได้ดีไซน์ที่ต้องการ และสอดรับกับไลฟสไตล์ของลูกค้า เพราะ "everyday is PRYYA’s Day" ทำให้มีลูกค้าหลายรายสนใจสั่งซื้อเครื่องประดับเพชรจากคอลเลคชั่นนี้มากกว่า 10 ชิ้น ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสนนราคาตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไปเท่านั้น
สำหรับการแข่งขันในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปัจจุบันนั้น มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพราะมีร้านค้าเกิดขึ้นมากมาย ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยผู้บริหาร PRYYA (พรียา) มองว่า ไม่ได้ทำให้เกิดวิกฤตการค้า และทางแบรนด์ก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีช่องทางทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ให้ลูกค้าได้รับข่าวสาร ขณะเดียวกันทางแบรนด์ก็ต้องเร่งพัฒนาสินค้า โดยเฉพาะรูปแบบดีไซน์ใหม่ๆ นอกจากช่วยยกระดับแบรนด์แล้ว และยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น
โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทย แต่ก็มีลูกค้าต่างชาติด้วย อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และกลุ่มตะวันออกกลาง โดยในปี 2563 ทางแบรนด์ตั้งเป้าขยายตัวที่ 30-35% ทั้งนี้ ก็อยู่กับเศรษฐกิจภายในประเทศ และของโลกด้วย
ทั้งนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 9 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่ากว่า 13,037 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า กว่า 406,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 39% อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ไทยส่งออกมาก ได้แก่ ทองคำ เครื่องประดับทองแท้ เครื่องประดับเงินแท้ และเพชร ทำให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยเป็นสินค้านำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นอันดับ 3 ก่อเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศถึงปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 6% ของจีดีพี และมีการจ้างแรงงานกว่า 7 แสนคน
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ