เพลินวาน ปิดตัวไปไม่เป็นไร แต่ยังมี “วนชัย กรุ๊ป” อาณาจักรใหญ่อยู่นะ

เจ้าของเพลินวาน ที่ประกาศปิดตัว เพลินวาน ที่หัวหิน ปลายเดือนมกราคมปีหน้า ที่แท้มีธุรกิจก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ทำรายได้มากถึงหมื่นล้านบาท

กลายเป็นข่าวสร้างความฮือฮาเมื่อโลกโซเชียลได้แชร์ภาพจดหมายของผู้บริหารเพลินวาน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่หัวหินมานานหลายปี โดยรายละเอียดจดหมายระบุถึงผู้เช่าเรื่องการบอกเลิกสัญญาเพราะเตรียมปิดกิจการ มีผลนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 63 หลังบริษัทฯ ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและขาดทุนหนัก

>> "เพลินวาน" ที่เที่ยวชื่อดังเมืองหัวหิน เตรียมปิดกิจการสิ้น ม.ค. 63 อ้างพิษเศรษฐกิจ

ล่าสุดผู้บริหารเพลินวาน น.ส.ภัทรา สหวัฒน์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยระบุข้อความถึงจุดเริ่มต้นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว กับประสบการณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศต่างๆ จนกลายเป็นภาพความทรงจำที่ดีสำหรับทุกคน แม้ว่าเพลินวานที่หัวหินจะปิดไป แต่ก็ยังสามารถมาเที่ยวที่เพลินวานอีก 4-5 สาขา คอยเปิดให้บริการอยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อ Sanook Money ได้ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัท เพลินวาน จำกัด เผชิญหน้ากับภาวะขาดทุนอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

บริษัท เพลินวาน จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 โดยมี น.ส. ภัทรา สหวัฒน์ เป็นคณะกรรมการ ดำเนินธุรกิจ การเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นเพื่อเป็นที่พักอาศัย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 65 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2558 รายได้ 39,623,349 บาท ขาดทุน 6,364,484 บาท
• ปี 2559 รายได้ 42,406,465 บาท ขาดทุน 21,573,177 บาท
• ปี 2560 รายได้ 48,487,364 บาท ขาดทุน 36,113,895 บาท

แม้ผลประกอบการธุรกิจของเพลินวาน จะขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทว่าเจ้าของเพลินวานก็ไม่ได้มีธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจเดียว เพราะที่จริงเจ้าตัวยังมีบริษัทก่อสร้างชื่อดัง อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย

Sanook Money ได้ตรวจสอบพบว่า เป็น บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เริ่มซื้อขายเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2538 โดยมีรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวน 17 ลำดับ หนึ่งในนั้นมี น.ส.ภัทรา สหวัฒน์ อยู่ในลำดับที่ 7 ถือหุ้นจำนวน 31,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.98% ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลอด 5,985.97 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

• ปี 2558 รายได้ 10,866 ล้านบาท กำไร 1,426 ล้านบาท
• ปี 2559 รายได้ 11,249 ล้านบาท กำไร 1,591 ล้านบาท
• ปี 2560 รายได้ 12,395 ล้านบาท กำไร 1,008 ล้านบาท
• ปี 2561 รายได้ 10,303 ล้านบาท ขาดทุน 371 ล้านบาท