ขยายยื่นภาษีผ่านเน็ตถึง 8 เม.ย. สรรพากรลั่นเป้าปีนี้ 7-8 ล้านคน ทนุศักดิ์ยันไม่ลดนิติบุคคล15%
สรรพากรเร่งปรับแบบยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รับสามีภรรยาแยกยื่นภาษี คาดเสร็จกุมภาพันธ์ แนะยื่นผ่านเน็ตได้เงินคืนภายใน 15 วัน
ตั้งเป้าปีนี้คนใช้บริการทะลุ 7-8 ล้านคน จากปีที่แล้ว 6 ล้าน ทนุศักดิ์ ยันไม่มีแผนลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15%
นางจิตรมณี สุวรรณพูล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี กรมสรรพากร เปิดเผยถึงการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2555 ที่กำหนดให้ยื่นภายในเดือนมีนาคมนี้ว่า
กรมจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบรายการเสียภาษีในหลายรายการ เพราะได้อนุญาตให้สามีภรรยาสามารถแยกยื่นภาษีได้ ทำให้กรมสรรพากรจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแบบ ภ.ง.ด. ทั้งในรูปของแบบฟอร์มที่ยื่นทางกระดาษและการยื่นทางอินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความสับสน กรมจะพยายามประชาสัมพันธ์รูปแบบการยื่นภาษีแบบใหม่ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบและอยากแนะนำให้ยื่นภาษีทางอินเตอร์เน็ตเพราะจะสะดวกและแม่นยำในการคำนวณภาษีมากกว่า
อีกทั้งการพิมพ์แบบกระดาษใหม่ดังกล่าวจะต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ หากจะรอยื่นแบบกระดาษจะทำให้ได้รับเงินคืนล่าช้าไปด้วย
นางจิตรมณีกล่าวว่า การยื่นภาษีเงินได้ปีนี้ ถือว่าเป็นปีพิเศษ เพราะวันสุดท้ายคือ 31 มีนาคม จะตรงกับวันอาทิตย์ กรมจึงยืดระยะเวลาการยื่นออกไปอีก 1 วันเป็นวันที่ 1 เมษายน
แต่หากยื่นผ่านทางอินเตอร์เน็ต ยังได้ให้แรงจูงใจสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 9 เมษายน นอกจากนั้น ผู้ที่ต้องชำระภาษีเพิ่มสามารถชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ ซึ่งมีระยะการปลอดดอกเบี้ยและจ่ายเงินจริงอีก 45 วัน
อยากแนะนำให้ผู้ที่ต้องการรับเงินคืนภาษีเร็วยื่นแบบผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยหากไม่มีปัญหาด้านขอเอกสารเพิ่มเติมจะได้รับเงินคืนภายใน 15 วัน ซึ่งปีนี้กรมตั้งเป้าหมายให้มีผู้ยื่นเสียภาษีผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านคนปีก่อนเป็น 7-8 ล้านคน ในปีนี้จากจำนวนฐานภาษีทั้งหมดเกือบ 10 ล้านคน นางจิตรมณีกล่าว
ส่วนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ขยายฐานรายได้จาก 1.5 แสนบาท เป็น 3 แสนบาท ได้รับการยกเว้นภาษีนั้น นางจิตรมณีกล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามี
เอสเอ็มอีในระบบที่เข้าข่ายได้รับยกเว้นกี่รายเพราะต้องดูจากทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านและมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทด้วย จากจำนวนผู้ประกอบการในฐานภาษีประมาณ 2 ล้านกว่าราย
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า คลังยังไม่มีนโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 15% เพื่อแข่งขันกับประเทศในอาเซียน หลังจากปรับลดลงเหลือ 20% เพราะอัตราที่ลดลงกระทบต่อฐานะการคลังของรัฐบาลมากแล้ว
ส่วนกรณีการใช้สิทธิขอภาษีคืนรถคันแรก 9.1 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประเมินข้อมูลว่ามีภาษีสรรพสามิตเข้ามาในงบประมาณปี 2556 เท่าใดและจะมีภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาเท่าใด หากประเมินที่ 5 หมื่นบาทต่อคัน จะเป็นรายได้เข้ามาประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท เมื่อต้องคืนเงินให้กับประชาชนที่ถือครองรถยนต์ 1 ปี แล้วจะเป็นเงินเท่าใด แต่เชื่อว่าไม่กระทบต่อฐานะการคลังของรัฐบาล นายทนุศักดิ์กล่าว
สนับสนุนเนื้อหา
