กองทุนภัยพิบัติเล็งประกันภัยนาข้าวตลอดปีการผลิต56

กองทุนภัยพิบัติเล็งประกันภัยนาข้าวตลอดปีการผลิต56

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ เตรียมเสนอรัฐบาลอนุมัติเปิดโครงการรับประกันภัยข้าวตลอดปีการผลิตปี 2556 เคาะราคาเบี้ยประกัน 120 บาท ภายใต้ความคุ้มครองระดับเดียวกับประกันภัยข้าวปีการผลิตปี 2555 แต่ขยายการคุ้มครองการเอาประกันภัยเพิ่มขึ้นทั้งปี สนองความต้องการภาคเกษตรกรรม ด้านเกษตรกรขานรับในการเพาะปลูกข้าวทั้งนาปีและ นาปรัง เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติในการเพาะปลูก   นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ เปิดเผยว่า กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการรับประกันภัยข้าวนาปีและนาปรังตลอดปีการผลิต 2556 จากปัจจุบันรับประกันภัยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวนาปี เพื่อคุ้มครองผลผลิตข้าวที่จะออกมาตลอดปีตามความต้องการและคำเรียกร้องของเกษตรกรที่มีเข้ามาจำนวนมาก การศึกษาดังกล่าวครอบคลุมถึงราคาเบี้ยประกัน วงเงินในการคุ้มครอง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าราคาเบี้ยประกันภัยข้าวของแต่ละรอบจะยังคงอัตราเดิมคือ 120 บาทต่อไร่ เท่ากับเบี้ยประกันภัยในปีที่ผ่านมา โดยมีระดับความคุ้มครองเดียวกัน คือ ภัยธรรมชาติจะได้คุ้มครองที่ 1,111 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชและโรคระบาดรับความคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย   นายสมชัย กล่าวด้วยว่า  โครงการขยายการรับประกันภัยข้าวตลอดปีการผลิต 2556 มีความเป็นไปได้สูง ที่จะได้รับความเห็นชอบและอนุมัติจากรัฐบาล เนื่องจากเป็นประโยชน์แก่เกษตรกร ประกอบกับขณะนี้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ได้รับการตอบรับจากบริษัทประกันวินาศภัยที่            จะเข้าร่วมโครงการนี้ อย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้รับประกันภัยพืชผลข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 และคาดว่าจะมีบริษัทประกันวินาศภัยอีกหลายแห่งจะตอบรับเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น   ด้านนางวรนุช มหิพันธ์  หัวหน้ากลุ่มลูกค้า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องการให้มีการรับประกันข้าวเพิ่มขึ้นทั้งนาปีและนาปรัง  เนื่องจากมีการเพาะปลูกเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่และมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมและภัยแล้งซึ่งเกิดขึ้นทุกปี   “ปัจจุบันตนมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งสิ้น 250 ไร่  โดยมีพื้นที่ของตนเอง 70 ไร่ ที่เหลือเป็นการเช่าซึ่งได้ทำประกันภัย 136 ไร่ ในปี 2555 เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งตนยังทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มลูกค้าของ ธ.ก.ส. เป็นตัวแทนเกษตรตำบล จึงได้ชักชวนเพื่อนเกษตรกรในกลุ่มเข้ามาทำประกันอีกหลายราย”นางวรนุช กล่าว   นางพิตรพิบูล ยอดชมญาณ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าว กล่าวว่า หากภาครัฐเพิ่มการรับประกันข้าวนาทุกช่วงปีการผลิต เชื่อว่าจะมีเกษตรกรเป็นจำนวนมากให้การตอบรับและเข้าร่วมทำประกันภัยฯ  เนื่องจากเกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรงซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรในการเพาะปลูก   “ขณะนี้มีนาข้าวทั้งหมด 140 ไร่ ทำประกันภัยไว้ 79 ไร่ สาเหตุที่ทำเพราะว่ามีเพื่อนที่ทำนาด้วยกันมาชักชวนและเห็นว่าเป็นประโยชน์จึงทำประกันไว้โดยเริ่มทำในปี 2555 แต่เมื่อปี 2554 ที่ไม่ทำเพราะยังไม่แน่ใจและยังไม่ทราบรายละเอียดของประกันที่ชัดเจน แต่หลังทำแล้วได้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่า เป็นการสร้างความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง เบี้ยประกันและสินไหมทดแทนที่ได้ก็สมน้ำสมเนื้อ”  นางพิตรพิบูล กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook