N&P เล่นใหญ่ทุ่มกว่า 10 ล้านบาท ยกระดับตรวจเข้มช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด
นายชาญวิทย์ กาญจนวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Natural & Premium Food จำกัด กล่าวว่า N&P เตรียมงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อยกระดับระบบปฏิบัติการของบริษัทครั้งใหญ่ ให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากขณะนี้ผู้บริโภครู้สึก แพนิค กับ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ทาง N&P ยิ่งตระหนักถึงความเข้มงวดในการตรวจสอบ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ของเชื้อโรค หรือ สารพิษตกค้าง เพราะการทำงานด้วยระบบ Manual บางอย่างอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ พร้อมกันนี้ยังให้บริการแบบ Home delivery เรียกว่า knock door กันถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องไปเดินห้างหาซื้อให้เมื่อยขาอีกด้วย
นายชาญวิทย์ กาญจนวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Natural & Premium Food จำกัด
นอกจาก ยกระดับระบบการทำงานของบริษัทให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรอินทรีย์ของไทยด้วย เพราะะการใช้นวัตกรรมเครื่องจักรใหม่มาใช้ตรวจสอบสารพิษ และ ปุ๋ยเคมีที่ตกค้างในผัก ของแบรนด์ N&P ประกอบด้วยเครื่อง HPLC (High-performance liquid chromatography) และ GC (Gas chromatography) ซึ่งการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาตรวจสอบจะช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวล และ ยิ่งมั่นใจในระบบตรวจสอบของ ของแบรนด์ N&P เพราะความไว้วางใจของลูกค้าคือกำลังใจของแบรนด์เรา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 16 ปีของการทำงานที่ผ่านมา ทางบริษัทพัฒนาระบบปฏิบัติการมาโดยตลอด การันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์ และ ระบบการผลิตของโรงงาน จากรางวัลและประกาศนียบัตร ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย อาทิ มาตรฐาน Organic Thailand ซึ่งออกโดย กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ EU Organic USDA Organic GMP HACCP และ องค์การอาหารและยา (อย.)
เครื่องจักรตรวจสอบสารพิษ
ขณะที่ รอเครื่องจักรใหม่เข้ามาติดตั้งในเดือนหน้า ทางแบรนด์ N&P ซื้อชุดตรวจสอบสารตกค้างจากองค์การเภสัชกรรม และยังใช้บริการห้องแล็ปของ AMARC ซึ่งเป็นห้องแลปที่ได้มาตรฐานจากหน่วยงานของภาครัฐและมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งใช้ตรวจสอบสารเคมีอันตรายและปุ๋ยเคมีตกค้าง ผักจากแบรนด์ N&P ผักของเรามาจากเกษตรกร ร่วมโครงการกว่า 100 รายทั่วประเทศ และ การยกระดับการตรวจสอบคุณภาพที่มีความเข้มข้นนี้ จะทำให้มั่นใจได้ว่าผักของเราเป็นอินทรีย์แท้ โดยใช้งบประมาณกว่า 2.5 แสนบาทต่อเดือน
สำหรับ บริษัท Natural & Premium Food จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ. 2547 รวมระยะเวลาในการดำเนินการ 16 ปี ซึ่งมีปณิธานและความตั้งใจที่แน่วแน่ในดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมุ่งมั่น พัฒนา อยู่เสมอโดยมีเป้าหมายคือการผลิตสินค้าที่มีประโยชน์ และคุณค่าตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้ช่วยเหลือเกษตรกรที่เจอปัญหา ราคาพืชผักตกต่ำ และ ไม่มีตลาดที่แน่นอน อีกทั้งบริษัทยังให้ความรู้กับเกษตรกร โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาผู้ชำนาญพร้อมให้การอบรมเกษตรกรเป็นประจำหมุนเวียนไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยในปัจจุบันมีฟาร์มในระบบจำนวนกว่า 100 ราย ทั่วประเทศ ซึ่งเกษตรกรผู้ร่วมโครงการต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกผักแปลงใหญ่ของ N&P
นางดวงใจ ชินศรี เกษตรกรผู้สู้ชีวิตผันตัวจากการปลูกข้าวปลอดสารพิษ ซึ่งประสบปัญหาเหมือนเกษตรกรทั่วไป คือ ปลูกแล้วแต่ไม่มีตลาดรับซื้อจึงทำให้ข้าวปลอดสารพิษต้องนำมาขายในราคาต่ำ เงินที่ได้ก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง หลังจากเข้าโครงการปลูกผักแปลงใหญ่ของ N&P ก็ทำให้สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง มีเงินเหลือเก็บ และ ส่งลูกเรียนปริญญา เพราะผักขายได้ราคา สอดคล้องกับความเห็นของ นายรอน สุขเมือง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ร่วมโครงการปลูกผักกับ N&P บอกว่า เมื่อก่อนทำไร่ทำนา และ รับจ้างทั่วไป พอได้เข้าร่วมโครงการปลูกผักกับ N&P ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้นจากการปลูกผักอินทรีย์และไม่ต้องกลับไปรับบากรับจ้างทั่วไปแบบเมื่อก่อน นอกจากรายได้แล้วทาง N&P ยังให้ความรู้เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์อย่างถูกต้องกับเกษตรกรผู้ร่วมโครงการด้วย
นอกจากนี้ เรายังเป็นบริษัทที่คืนกำไรให้กับสังคมโดยการนำผักไปมอบให้กับวัด และ มูลนิธิ หลายแห่ง อาทิ วัดพระบาทน้ำพุ วัดป่าสุขใจ มูลนิธิเด็กกำพร้า จ.กาญจนบุรี มูลนิธิธรรมานุรักษ์ โรงเรียนปลูกศรัทธา เพราะรอยยิ้มของผู้รับคือความสุขของแบรนด์ N&P
