เปิดโผ 12 ทำเลทองรอบสถานี ไฮสปีดเทรนกรุงเทพ-เชียงใหม่
เปิดทำเลทอง 12 สถานี เส้นทางไฮสปีดเทรน "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" ระยะทาง 680 กิโลเมตร ไล่ตั้งแต่บางซื่อ อยุธยา พิษณุโลก เชียงใหม่ สนข.จุดพลุพัฒนาเชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า ดีเดย์ ก.ย.นี้ประมูลเฟสแรก กรุงเทพฯ-พิษณุโลก เปิดใช้ปี"61
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สนข.ให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา นำโดยบริษัท ทีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 680 กิโลเมตร เงินลงทุน 387,821 ล้านบาท
แยกเป็นช่วง กรุงเทพฯ-พิษณุโลก 382 กิโลเมตร เงินลงทุน 204,221 ล้านบาท และพิษณุโลก-เชียงใหม่ 363 กิโลเมตร เงินลงทุน 183,600 ล้านบาท ซึ่งจะได้ข้อสรุปในอีก 3 เดือน ราวเดือนเมษายน-พฤษภาคม ก่อนเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เปิดประมูลในเดือนกันยายน มีทั้งหมด 12 สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ พระนครศรีอยุธยา บ้านภาชี ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่
"ช่วง กรุงเทพฯ-พิษณุโลกจะประมูลและก่อสร้างก่อน ช่วงต้นปี 2557 ใช้เวลา 4 ปี พร้อมเปิดให้บริการในปี 2561 ส่วนพิษณุโลก-เชียงใหม่ต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพราะตัดผ่านพื้นที่ภูเขาจำนวนมาก ตั้งแต่อุตรดิตถ์-เชียงใหม่ ต้องเจาะอุโมงค์ยาวรวมกันถึง 50 กิโลเมตร แต่จะช้ากว่ากันไม่มากประมาณ 1 ปี"
ขยับตำแหน่งสถานีใหม่
ล่าสุดบริษัทที่ปรึกษาอยู่ ระหว่างกำหนดจุดที่ตั้งสถานีให้ชัดเจน เนื่องจากบางสถานีอาจต้องขยับตำแหน่งใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงโบราณสถาน เช่น พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี หรือเลือกจุดที่ตั้งที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขปัญหาจุดตัดรถไฟกับถนนทับซ้อนอีก 336 แห่ง โดยจะก่อสร้างในหลายรูปแบบ แล้วแต่พื้นที่ เช่น ทางลอด ทางยกระดับ เป็นต้น เพื่อให้การเดินทางรวดเร็วในเวลา 3 ชั่วโมงเศษ
"สถานียิ่งใหญ่ยิ่งดี จะพัฒนาได้มากขึ้น เมื่อโครงการเสร็จจะเปิดพื้นที่การพัฒนาใหม่ ๆ ตลอดเส้นทาง และโดยรอบสถานีทั้ง 12 แห่ง เช่น ร้านค้า ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า เป็นต้น สอดคล้องนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แนวเส้นทาง เหมือนญี่ปุ่น"
นายสาธิต มาลัยธรรม รองผู้จัดการโครงการกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เปิดเผยว่า การก่อสร้างส่วนใหญ่ประมาณ 90% จะสร้างรางใหม่บนเขตทางรถไฟเดิมมีอยู่ฝังละ 40 เมตร และจะเวนคืนเฉพาะช่วงทางโค้ง เนื่องจากใช้ความเร็วสูง รวมถึงจุดที่ตั้งสถานีจะต้องเวนคืนเพื่อให้พอจะวางรางรถไฟขนาด 1.435 เมตร และพัฒนาเชิงพาณิชย์โดยรอบแต่บอกไม่ได้ แต่จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน อาจเป็น 100 ไร่ก็ได้
"เบื้องต้นดูแล้วผลกระทบต่อประชาชนช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก จะค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ที่การทำอีไอเอจะเข้มข้นกว่า เพราะเจาะ
อุโมงค์ผ่านเขา และเปิดพื้นที่ใหม่เพื่อวางราง" นายสาธิตกล่าวและว่า
เปิดโผจุดที่ตั้ง 12 สถานี
ส่วนรูปแบบก่อสร้างมีทั้งยกระดับและอยู่บนระดับพื้นดิน โดยช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก จะสร้างบนเขตทางด้านขวามือ (มุ่งหน้าจากกรุงเทพฯไป) มีสถานีเดิมอยู่ด้านซ้าย และโครงสร้างจะยกระดับตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจะลดระดับลงพื้นที่ดิน ยกเว้นผ่านตัวเมืองจะยกระดับในบางจุด เช่น พิษณุโลก สำหรับช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ จะสร้างบนเขตทางด้านซ้ายและขวาของสถานี ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ส่วนโครงสร้างส่วนใหญ่จะเป็นระดับพื้นดิน
นายสาธิตกล่าวว่า จุดที่ตั้งของทั้ง 12 สถานี ยังอยู่ระหว่างสำรวจ เนื่องจาก สนข.ต้องการให้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยรอบและสร้างเป็นเมืองใหม่ในแนว เส้นทาง จึงต้องเลือกจุดที่ตั้งที่เข้า-ออกสะดวก มีศักยภาพในการพัฒนาไม่หนาแน่นมากเกินไป และเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่น ๆ โดยรอบได้ อีก 1 เดือนจะได้ข้อสรุปชัดเจน
สำหรับจุดที่ตั้งสถานีใน เบื้องต้น ประกอบด้วย
1.สถานีบางซื่อ อยู่บริเวณย่านบางซื่อ ที่จะเป็นศูนย์การคมนาคมขนส่ง ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง และรถไฟชานเมือง
2.พระนครศรีอยุธยา มี 2 ทางเลือก ตั้งอยู่ที่เดิม และเลี่ยงออกมานอกเมือง เพื่อเลี่ยงพื้นที่วัด
3.บ้านภาชี คาดว่าจะอยู่จุดเดิม
4.ลพบุรี มี 2 ทางเลือก คือสร้างที่เดิม หรือขยับออกนอกเมือง เนื่องสถานีเดิมจะผ่านพื้นที่วัดพระปรางสามยอด
5.นครสวรรค์ มี 2 ทางเลือก คือจุดเดิม หรือขยับเข้าใกล้ตัวเมืองมาทางด้านใต้ของตัวเมืองนครสวรรค์ เลาะไปตามบึงบอระเพ็ด
6.สถานีพิจิตร จะย้ายไปสร้างบนพื้นที่ใหม่นอกเมืองมาทางด้านตะวันออกของแม่น้ำน่าน
7.สถานี พิษณุโลก จะอยู่ห่างไปจากสถานีรถไฟเดิม ไปทางถนนวงแหวนรอบนอก
8.อุตรดิตถ์ จะเลื่อนไปที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์แทน
9.สถานีเด่นชัย
10.สถานีลำปาง ยังอยู่จุดเดิม
11.สถานีลำพูน กำลังหาที่สร้างใหม่
12.สถานีเชียงใหม่ จะขยับตำแหน่งลงมาจากสถานีเดิมเล็กน้อย เนื่องจากจุดเดิมถนนเข้า-ออกแคบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าว ด้วยว่า ขณะนี้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงได้รับการสนใจจากนักลงทุนธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์จำนวนมาก เพื่อจะเข้าไปกว้านซื้อที่ดินไว้รอการพัฒนา แม้ว่าตอนนี้ยังไม่กำหนดจุดที่ตั้งสถานีไว้ชัดเจนก็ตาม