"เถ้าแก่น้อย" คิดใหญ่ ทำใหญ่ ผลิต-ทำตลาดสไตล์ "โกลบอล"

"เถ้าแก่น้อย" คิดใหญ่ ทำใหญ่ ผลิต-ทำตลาดสไตล์ "โกลบอล"

"เถ้าแก่น้อย" คิดใหญ่ ทำใหญ่ ผลิต-ทำตลาดสไตล์ "โกลบอล"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เถ้าแก่น้อย" วันนี้น้อยคนไม่รู้จักสาหร่ายแบรนด์นี้ ที่ตลอดเวลาได้มีการขยับขยายตัวเอง จากตลาดสาหร่าย 100 ล้านบาท

จนมีมูลค่า 2,800 ล้านบาท โต 20% ทุกปีเย้ายวนให้คู่แข่งหน้าใหม่ต้องกระโดดเข้ามาชิงเค้กดังกล่าว และทำให้ "สาหร่าย" กลายเป็นอาหารคุ้นปากของคนไทยและต่างประเทศ

แม้จะเดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้น ที่นำสาหร่ายมาวางขายในตู้คั่วเกาลัด ธุรกิจแรกของเขา "อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในวัยย่าง 29 ปี หรือเรียกกันติดปากว่า "ต๊อบ"

วันนี้ยังไม่หยุดฝัน แต่เชื่อว่าวันหนึ่ง "สาหร่าย" จะเป็นเหมือน "มันฝรั่ง" ที่เป็นขนมขบเคี้ยวที่คนนิยมทั่วโลก

ด้วยวิสัยทัศน์ดังกล่าว ทำให้แนวคิดการขับเคลื่อนตลาดของแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" จากนี้ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

"ปีหน้าการทำตลาดของเถ้าแก่น้อยจะมองไปที่ระดับรีจินอลมากขึ้น เป็นโกลบอลมาร์เก็ตติ้ง ไม่เพียงใช้ในไทย แต่นำไปใช้ในประเทศอื่่นๆ ที่เราเข้าไปบุกตลาดด้วย"

แคมเปญแรกที่จะเห็นคือ การนำ "2PM" ศิลปินดังจากเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมไม่เพียงแค่เกาหลีแต่ในระดับเอเชีย ต่อเนื่องจากปีก่อนที่เปิดตัว 6 หนุ่มจากแดนกิมจิ "B2ST" (บีตส์) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

"ลูกค้าเถ้าแก่น้อยส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับดารา นักร้องเกาหลี ขณะที่ 2PM ก็โกอินเตอร์แล้ว มากกว่านั้นยังมีสมาชิกที่เป็นคนไทยคือนิชคุณ ที่เป็นตัวแทนของคนไทยที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ"

กิจกรรมที่เขาวางแผนไว้ คือ ทำแคมเปญในตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเถ้าแก่น้อยเป็นผู้นำทั้งฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย ฯลฯ อาทิ ลุ้นโชคมาเที่ยวเมืองไทย และจัดปาร์ตี้มีตแอนด์กรีตกับพรีเซ็นเตอร์ 2PM

"อิทธิพัทธ์" ระบุว่า เป้าหมายของบริษัทคือการเป็น "โกลบอลแบรนด์" ภายใน 10 ปี

ข้างหน้า อย่างเร็วที่สุดคือ 8 ปี โดยสัดส่วนจากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 60% จากปัจจุบัน 30% โดยวางเป็นสเต็ป ๆ เริ่มจาก 3 ปีจากนี้จะเปิดตลาดจีนด้วยการตั้งโรงงานผลิต หลังจากนั้นจะรุกเข้าไปอินเดีย และตั้งเป้าภายใน 7-8 ปี ข้ามฝั่งไปทางตะวันตก

ถึงวันนั้นเขาตั้งเป้ายอดขายไปถึง 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ตั้งเป้า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดในประเทศ 2,000 ล้านบาท และต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปกว่า 30 ประเทศ

แผนดังกล่าวทำให้เขามองการเพิ่มกำลังผลิตรองรับการเติบโต โดยงบฯที่วางไว้ตลอด 7 ปีข้างหน้าคือ 400 ล้านบาท เบื้องต้นคือย้ายโรงงานจากบางบัวทองไปรวมศูนย์ที่ปทุมธานี ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่ 12 ไร่

ใช้งบฯลงทุน 70 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว โดยเพิ่มกำลังผลิตได้อีก 5 แสนแผ่นต่อวัน จากปัจจุบันผลิตวันละ 2 ล้านแผ่นต่อวัน อนาคตยังสามารถขยายโรงงานไปพื้นที่รอบข้างที่ยังว่างอยู่ถึง 32 ไร่ ซึ่งบริษัทซื้อเข้ามาเพิ่มเติม

สำหรับเขา มีหลาย role model ที่เป็นแบบอย่างความสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ "เรดบูล" เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก

เขาชี้ว่า ตลาดที่เป็นยุทธศาสตร์ในการเปิดตลาดฝั่งตะวันตกคือ "อเมริกา" เหมือนกับเครื่องดื่มชูกำลัง "เรดบูล" ที่วันนี้สามารถก้าวสู่ระดับโลกก็ต้องผ่านตลาดหินที่นี่ก่อน "สินค้าระดับโลกถ้าสำเร็จที่อเมริกา ก็สามารถก้าวไปสู่จุดนั้นได้ เหมือนกับเรดบูลที่ทำได้" เป็นความฝันที่เขาเชื่อว่าไม่ไกลเกินเอื้อม

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ "เถ้าแก่น้อย" คิดใหญ่ ทำใหญ่ ผลิต-ทำตลาดสไตล์ "โกลบอล"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook