ฮอนด้าปลื้มยอดขายรถ9เดือนปี55ทุบสถิติ
นายฮิโรชิ โคบายาชิ (Hiroshi KOBAYASHI) ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในปี 2555 ว่า จากประสบอุทกภัยในปลายปี 2554 ทำให้ต้องหยุดการผลิตโรงงานที่พระนครศรีอยุธยา ไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง และกลับมาเดินสายการผลิตในปลายเดือน มี.ค. 2555 ซึ่งภายในเวลา 9 เดือน ฮอนด้าได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 10 รุ่น ซึ่งรถยนต์รุ่น Brio Amaze ส่งผลให้ฮอนด้า มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการ ด้วยยอดขายสะสม 171,208 คัน และทำให้ฮอนด้ากลับมาเข้มแข็งกว่าเดิม ทั้งนี้ฮอนด้าจะขยายการลงทุนในประเทศ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยจะลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ที่ จ.ปราจีนบุรี และขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเน้นการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ประหยัดเชื้อเพลิงในตลาดโลก และแนวโน้มความต้องการของรถยนต์ในประเทศจากรายได้ของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งนี้ นายฮิโรชิ เปิดเผยว่า บริษัทฮอนด้า ได้วางแผนการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ที่ จ.ปราจีนบุรี ด้วยมูลค่าการลงทุน 17,150 ล้านบาท จะมีกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี และจะขยายการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเพิ่มเป็น 300,000 คันต่อปี ด้วยเงินลงทุน 2,910 ล้านบาท ภายในต้นปี 2557 ซึ่งคาดว่าเมื่อรวมกำลังการผลิตจากโรงงานทั้ง 2 แห่งจะทำให้มียอดการผลิตโดยรวม 420,000 คันต่อปี ในปี 2558 ขณะในส่วนของโรงงานที่ จ.ปราจีนบุรี นั้น จะเริ่มดำเนินงานการก่อสร้างในเดือน ก.ค. 2556 และจะเริ่มเปิดเดินสายการผลิตได้ในปี 2558 โดยโรงงานดังกล่าวจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยจะนำนวัตกรรมการผลิตอันล้ำสมัยของโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ซึ่งช่วยลดเวลาในการผลิตแต่ละขั้นตอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้าน นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยภายหลังงานแถลงข่าวผลการดำเนินงานในปี 2555 ว่าทิศทางการดำเนินงานธุรกิจของฮอนด้าในประเทศไทย ว่า สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2555 ยอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,430,000 คัน ซึ่งเติบโตเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ได้รับผลมาจากนโยบายรถคันแรก และบริษัทฮอนด้า มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 171,208 คัน ในระยะเวลาเพียง 9 เดือน และมียอดค้างส่งมอบมากกว่า 100,000 คัน ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 6 เดือน ในการส่งมอบยอดที่ค้างอยู่ นอกจากนี้ มองว่าตลาดรวมในปี 2556 น่าจะมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,200,000 คัน โดยคาดว่า บริษัทฮอนด้าจะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 200,000 คัน อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งนั้น มองว่าจะไม่กระทบต่อการลงทุนของบริษัทฮอนด้า เนื่องจากฮอนด้ามีการผลิตโดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 90% ดังนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแหล่งชิ้นส่วน เนื่องจากเงินบาทแข็งตัวอย่างแน่นอน