ผู้ว่าฯ ธปท. รับขาดทุนอุ้มบาท 5.3 แสนล.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวในงานมอบรางวัล BIBOR Awards 2012 ว่า ทาง ธปท. ได้ผลักดัน ให้ทางธนาคารพาณิชย์หันมาใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ หรือ BIBOR มาแทนธุรกรรมทางการเงินให้มากขึ้น เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอื่น อาทิ อินเตอร์แบงก์เรต ที่มักเคลื่อนไหวผันผวนตามสถานการณ์การเงินในตลาดโลก และเป็นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ ซึ่งอาจมีความผันผวนได้ โดยเฉพาะหากดอลลาร์สหรัฐ มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ มักจะมีผลต่อผู้ที่ทำธุรกรรมอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ขาดทุนอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนอัตราอ้างอิงดอกเบี้ยรายใหม่ หรือ MLR ก็ไม่มีความคล่องตัว เนื่องจากเป็นดอกเบี้ยคงที่ ระยะนานกว่า 6 เดือน และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย BIBOR ส่งผลให้ต้นทุนในการกู้ยืมแพงขึ้น ดังนั้น จึงเห็นว่า สถาบันการเงินควรหันมาใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR ที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และสามารถบริหารความเสี่ยงได้มากกว่า นายประสาร เปิดเผยถึงข้อมูลของทางธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ขาดทุนสะสมกว่า 5.3 แสนล้านบาท มาจากการแทรกแซงค่าเงินที่แข็งค่าของเงินบาท ในปี 2551 และขาดทุนจากส่วนต่างดอกเบี้ยอีกกว่าแสนล้านบาท ว่า ทาง ธปท. สามารถบริหารจัดการได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรายจ่ายดอกเบี้ยที่อยู่ที่ร้อยละ 8 สูงกว่าดอกเบี้ยที่รับร้อยละ 2 ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้รัฐบาลตั้งงบประมาณมาใช้หนี้ หรือรบกวนเงินภาษีของประชาชน โดยย้ำว่า หน้าที่ของทางธนาคารกลาง มีไว้เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงิน และดูดทรัพย์แรงกระแทกจากความผันผวนที่เกิดขึ้น ซึ่งตามหลักสากลการวัดผลงานของแบงก์ชาติ จะดูจากการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ มากกว่าการแสวงหาผลกำไร