แมคโดนัลด์มึน! ยอดตกทั่วโลก วิกฤตเอเชีย
แมคโดนัลด์ เชนแฮมเบอร์เกอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังประสบปัญหาอย่างหนักกับยอดขายที่ลดลงอีกครั้งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยบริษัทประสบปัญหาในการสร้างการเติบโตในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ยอดขายในเอเชียก็หดตัวลงอย่างรุนแรงเช่นกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า แมคโดนัลด์ระบุยอดขายทั่วโลกของสาขาที่เปิดให้บริการมากกว่า 1 ปีขึ้นไปมียอดตกลง 1.9% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดถึงผลดำเนินงานที่แท้จริง
ไม่นับรวมตัวเลขจากการเปิดสาขาใหม่และบางโลเกชั่นที่ปิดตัวลง เป็นระยะเวลาหลายปีที่บรรดาคู่แข่งของแมคโดนัลด์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกว่า ซึ่งทำให้แมคโดนัลด์ต้องดิ้นรนท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและสภาพทาง
เศรษฐกิจอันแสนท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยปีที่ผ่านมายักษ์แฮมเบอร์เกอร์รายนี้ได้ไล่ผู้บริหารสูงสุดในสหรัฐออก หลังจากยอดขายบริษัทลดลงเป็นครั้งแรกในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา
ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร "ดอน ธอมป์สัน" ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ด้วยการให้ความสำคัญกับเรื่องการเพิ่มคุณค่า และคุณภาพของธุรกิจ ขณะเดียวกัน ก็วางแผนเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ ๆ ออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า
อย่าง ไรก็ตาม "ธอมป์สัน" ก็ออกมาเตือนในเดือนที่แล้วว่า ยอดขายในเดือนมกราคมมีแนวโน้มติดลบ หากเปรียบเทียบกับยอดขายทั่วโลกที่เติบโตขึ้น 6.7% ในปีที่แล้ว
ใน ภูมิภาคอย่างเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา แมคโดนัลด์ระบุว่า ยอดขายตกลง 9.5% ในเดือนมกราคม ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ยากลำบากที่เกิดขึ้น ที่กระทบหนักที่สุดคือยอดขายในประเทศญี่ปุ่น
จากพฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป ลดการรับประทานข้าวนอกบ้าน และหันมาทำอาหารและใช้เวลาที่บ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและสึนามิที่เกิดขึ้นใน ปี 2554
นอกจากนี้ ยังมาจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บริษัทหันมาโฟกัสเมนูหลักอย่าง "บิ๊กแมค" และอาหารเช้า มากกว่าให้ความสำคัญกับแคมเปญโปรโมชั่นอย่าง "บิ๊ก อเมริกา ซีรีส์" ที่บริษัทนำกลับมาใช้อีกครั้งในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ผลที่เกิดขึ้นคือยอดขายตกลงถึง 17%
สำหรับในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ อีกแห่งของแมคโดนัลด์ บริษัทระบุว่าเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ได้สร้างผลกระทบกับยอดขาย ขณะเดียวกัน ความกังวลของผู้บริโภคชาวจีนเกี่ยวกับการบริโภคไก่
หลังจากรายงานข่าวทางทีวีของจีนระบุว่าบรรดาผู้เลี้ยงไก่ละเลยมาตรการต่าง ๆ และให้ยาปฏิชีวนะที่ยังไม่ผ่านการรับรองกับสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ โดย "ยัม แบรนด์ส" เจ้าของเคเอฟซีซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจร้านอาหารตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ก็ประสบปัญหายอดขายที่ลดลง และคาดว่าจากผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ยอดขายตกฮวบลงถึง 25% ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะที่ในยุโรปซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ แมคโดนัลด์ ยอดขายลดลงเช่นกันอยู่ที่ 2.1% โดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศส โดยแนวทางของบริษัทจากนี้ยังคงโฟกัสที่การเพิ่มคุณค่าและคุณภาพบริการ รวมถึงการรักษาบรรดาสาขาต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานในภูมิภาคนี้
ในสหรัฐอเมริกาแมคโดนัลด์เติบโต 0.9% เนื่องจากเมนูยอดฮิตอย่าง Grilled Onion Cheddar burger wx-ไปจนถึง "ดอลลาร์เมนู" (Dollar Menu) ซึ่งเป็นอาหารราคาประหยัดที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย
สำหรับเดือน กุมภาพันธ์แมคโดนัลด์คาดว่ายอดขายจะตกลงอีก 3% เนื่องจากผลงานของเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วทำได้ค่อนข้างดี รวมไปถึงจำนวนวันที่จะน้อยกว่าปีที่แล้ว 1 วัน (กุมภาพันธ์ 2555 มี 29 วัน)