ณัฐฑี จุฑาวรากุล ซีอีโอสาว แห่งห้างทองเจียบเซ่งเฮง

ณัฐฑี จุฑาวรากุล ซีอีโอสาว แห่งห้างทองเจียบเซ่งเฮง

ณัฐฑี จุฑาวรากุล ซีอีโอสาว แห่งห้างทองเจียบเซ่งเฮง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ทองคำก็เป็นเหมือนตัวเราไปแล้ว" ประโยคบอกเล่าจาก "ณัฐ-ณัฐฑี จุฑาวรากุล" หญิงสาวโชคดีที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ชีวิตถูกเคลือบไปด้วยทองคำ

ลูกสาวคนกลางของนายห้างทองเจียบเซ่งเฮง "วิชัย จุฑาวรากุล" ผู้กรุยทางสร้างบริษัท คลาสสิก โกลด์ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกทองคำแท่ง เพราะดูจากสถานการณ์ราคาทองคำที่พุ่งทะยานสูงลิ่ว ทำกำไรได้ด้วยตัวเอง

 

คงทำให้เธอนอนกินดอกผลนิ่ง ๆ ได้อีกนาน แต่ลูกสาวนายห้างทองมิได้อยู่เฉย กระโดดลงมารับช่วงต่อธุรกิจบนถนนสายทองคำ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ด้วยวัยเพียง 27 ปี

ผู้บริหารหน้าหวาน ยิ้มสวย ผมเป็นลอนเงางาม สวมสูทเรียบ ๆทับชุดเดรสสีโอลด์โรส บุคลิกเวิร์กกิ้งวูแมนมาดสุขุม ทว่าดูอ่อนหวานเดินเข้ามาทักทาย "ทีมข่าวดีไลฟ์" พร้อมชวนมานั่งพูดคุยกันในห้องประชุมของบริษัทบนตึกจามจุรีสแควร์

กับตำแหน่งซีอีโอวัยละอ่อน แต่มากด้วยประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำมาแต่เยาว์วัย มีต้นทุนที่เหนือกว่าใครบนเส้นทาง "ทองคำ" ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอคือหนึ่งในผู้จับชีพจรอันผันผวนของราคาทองคำได้อยู่หมัด

และเป็นหนึ่งใน "ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง" ที่น่าจับตามอง

การันตีด้วยรางวัล "บุคคลคุณภาพแห่งปี 2012" ภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

แน่นอนว่ารากฐานที่มั่นคงย่อมส่งผลต่อการเติบใหญ่ในอนาคต แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าทายาทรุ่นหลังจะสามารถรักษาระดับทำได้ดีเท่ากับรุ่นบุกเบิก

ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายของเจเนอเรชั่นใหม่ที่จะพิสูจน์ความสามารถ เช่นเดียวกับ "ณัฐ-ณัฐฑี" ที่ต้องทำให้กองทองคำพอกพูนขึ้นมากว่าเดิมที่มีอยู่

ตามมาดูกันว่า ซีอีโอสาวผู้นี้จะมีวิธีการอย่างไรในการรักษากองทองคำไม่ให้พร่อง ขณะเดียวกันก็ต้องหามาเติมเรื่อย ๆ เพื่อให้เส้นทางชีวิตเคลือบด้วยทองคำไม่ขาดช่วง ทุกฉากชีวิตรอบตัวเด็กหญิงณัฐจึงฉาบไปด้วยทองคำ

นับตั้งแต่สมัยคุณปู่ ผู้บุกเบิกการค้าขายทองคำเป็นรุ่นแรกของครอบครัว มาสู่รุ่นพ่อ และรุ่นหลานในที่สุด

"เท่าที่จำความได้ ก็เห็นภาพตัวเองกระโดดโลดเต้นซุกซนอยู่บนตู้ทองสีแดง ตอนนั้นของเล่นสุดโปรดคือเครื่องคิดเลขกับลูกคิด จะชอบแข่งกันกดเครื่องคิดเลขแข่งกับพี่น้อง หรือไม่ก็แข่งกันนับเลข ฝึกเป็นแคชเชียร์ คิดบัญชี หรือช่วยขายชั่งทองบ้าง"

ครั้นพิจารณาเครื่องประดับของทายาทธุรกิจทองคำ ทั้งตุ้มหู สร้อย แหวน และนาฬิกา ไม่มีสิ่งใดเป็นสีทองโดดเด้งออกมาเห็นให้สะดุดตาแม้แต่ชิ้นเดียว

"คงเพราะอยู่กับทองคำจนเคยชิน ไม่ชอบใส่อะไรสีทอง ๆ"

และมาเฉลยในที่สุดว่า ถึงจะไม่ชอบสีทอง แต่ก็ใส่ทองอยู่ดี เพราะเครื่องประดับที่สวมเป็นทองคำทั้งหมด เพียงแค่นำไปชุบเป็นทองคำขาวอีกที

ด้วยวิถีชีวิตที่วนเวียนอยู่กับทองคำ เธอจึงไม่เคยมีความฝันออกนอกลู่ปล่อยให้อาชีพอื่นเข้ามายึดครองความคิด แต่แน่วแน่อยู่กับการสานต่อธุรกิจทองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

"ทั้งที่พ่อแม่ไม่เคยบังคับ แต่เราเติบโตและมองเห็นธุรกิจทองเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว จึงปักธงวางแผนอนาคตเข้าเรียนในคณะบริหารธุรกิจบวกกับด้านไอที ซึ่งนำมาต่อยอดโลกธุรกิจในระยะยาว"

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาตรีที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิชาเอกเรียนระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ และวิชาโทเป็นสาขาการตลาด เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ฉิวเฉียดอันดับ 1 ไปเพียงแค่ 0.02

ผลการเรียนที่ได้มา เจ้าตัวเองยังไม่แน่ใจว่าเรียนดีหรือโชคดี

"ถ้าเด็กเรียนหมายถึงเข้าเรียนทุกคาบ นั่งจดเลกเชอร์เป็นประจำ ณัฐคงไม่ใช่ เพราะไม่ค่อยได้เข้าเรียน อ่านหนังสือก็แค่เวลาจะสอบ เรียนเอาสนุก อยากเรียนรู้อะไรก็ลงเรียนวิชานั้น ๆ ช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ทำกิจกรรมตลอด

เที่ยวเล่นตามประสาเด็กทั่วไป ไม่ใช่เด็กเนิร์ด อ่านหนังสือสอบก็แทบไม่จบด้วยซ้ำ เพียงแค่เป็นคนโชคดีที่เรียนได้ดี"

จากนั้นความขยันมาผกผันตอนเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ สาขาการลงทุนและการธนาคาร

"ตอนเรียนที่อังกฤษกลับขยันเรียนมาก ช่วงนั้นมีแต่คนถามว่า จะเรียนอะไรเยอะแยะ แถมยังเลือกเรียนอะไรยาก ๆ อีก ทั้งที่จะกลับมาทำธุรกิจที่บ้านอยู่ดี

ถึงวันนี้ค้นพบแล้วว่า การเรียนรู้ศาสตร์หลายแขนงช่วยทำให้เรารู้รอบมากขึ้น ทำความเข้าใจแต่ละอย่างได้ง่ายขึ้น และนี่ถือเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับการทำธุรกิจ" (เกียรตินิยมอันดับ 2)

ก่อนจะกลับมาดูแลธุรกิจอย่างจริงจัง บุกเบิกการนำระบบออนไลน์มาใช้กับร้านทองให้เป็นแบบ "ครบวงจร" ทุกขั้นตอนการทำงานเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ ช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ช่วยปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์นักลงทุนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับทองคำได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นสำหรับไอแพด ไอโฟน และระบบแอนดรอยด์

เมื่อลูกสาวก้าวเข้ามาทำให้ธุรกิจเต็มตัว พ่อแม่ก็ค่อย ๆ ถอย ส่งไม้ผลัดให้ทายาทขึ้นมาบริหารต่อ แบกประสบการณ์ 3 ปีก้าวขึ้นกุมบังเหียนคลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส ลงสนามฟาดฟันคู่ต่อสู้ในตลาดทอง


วิธีรักษาตำแหน่งซีอีโอวัยละอ่อน

"ตอนเข้ามาทำงานแรก ๆ เพิ่งเลยวัยเบญจเพสมาหมาด ๆเริ่มทำทุกอย่างใหม่หมด แม้จะรู้ดีเรื่องทองคำ แต่การบริหารงาน บริหารคนระดับนี้ก็เรื่องใหม่สำหรับเรา แต่ด้วยคำพ่อสอนเสมอมาว่า ทุกอย่างที่ทำไม่มีอะไรผิดหรือถูกทั้งหมด ให้มองเป็นการเรียนรู้ ใช้ด้านดีของความเป็นเด็ก กล้าคิด กล้าลอง ไฟแรง และยังมีโอกาสผิดพลาดได้มากกว่าคนอายุเยอะ เพียงแค่ให้คิดอย่างรอบคอบ เพราะทุกอย่างที่เกิดแล้วย้อนกลับมาไม่ได้"

เทคนิคที่ทำให้ "ณัฐฑี จุฑาวรากุล" โดดเด่นเป็นซีอีโออายุน้อยที่สุด ยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาโบรกเกอร์ในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันรุนแรงได้ก็คือ


"ทำตัวเป็นน้ำยังไม่เต็มแก้วอยู่เสมอ"

ด้วยบุคลิกเหมือนเป็นคน "บ้างาน" เจ้าตัวรีบปฏิเสธทันควันว่า "ไม่ถึงขนาดนั้น" เพราะเธอยังมีเวลาไปช็อปปิ้ง แฮงเอาต์ออกกำลังกาย เล่นโยคะ ตามสไตล์สาวโสด

ที่มองว่ามีความสุขกับทุกจุดของชีวิต ทั้งการอยู่คนเดียวหรือมีใครข้างกายก็เป็นความสุขคนละแบบ แต่ก็สุขเหมือนกัน (ยิ้ม)มีร้านหนังสือเป็นสถานที่บำบัดความเครียด


แนะนำนักลงทุนรุ่นใหม่ในตลาดทองคำ

"ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง และเป็นเครื่องประดับที่มีสภาพคล่องสูง ไม่เหมือนกับหุ้นที่เป็นกระดาษ ส่วนเทรนด์การลงทุนทองคำของคนไทยในปัจจุบัน ยังนิยมลงทุนในทองคำแท่งและรูปพรรณ"

ณัฐฑีแนะนักลงทุนหน้าใหม่ในตลาด ต้องดูความเหมาะสมของตนเองก่อน แบกรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ถ้าเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ก็ควรลงทุนในทองคำแท่ง แต่ต้องใช้เงินลงทุนในสัดส่วนเยอะ

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน ตามสโลแกนคุ้นหูที่ว่า

"การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook