ทึ่ง! ผ่านมา 8 เดือน ราคาทองพุ่งไปกว่า 8,500 บาท พร้อมเฉลยสาเหตุเกิดจากอะไร?

ทึ่ง! ผ่านมา 8 เดือน ราคาทองพุ่งไปกว่า 8,500 บาท พร้อมเฉลยสาเหตุเกิดจากอะไร?

ทึ่ง! ผ่านมา 8 เดือน ราคาทองพุ่งไปกว่า 8,500 บาท พร้อมเฉลยสาเหตุเกิดจากอะไร?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ราคาทองผ่านมาแล้ว 8 เดือน เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 8,500 บาท อะไรเป็นตัวเร่งให้ทองพุ่งต่อเนื่องเช่นนี้ และราคาทองเพิ่มขึ้นส่งสัญญาณถึงอะไรบ้าง

หากใครที่เป็นนักลงทุนทองคำ หรือติดตามข่าวสารราคาทองก็จะทราบว่าในช่วงนี้คนจะแห่ขนทองไปขายเพื่อแปรสภาพเป็นเงินสดเพื่อเอากำไร แต่รู้หรือไม่ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันราคาทองเพิ่มขึ้นไปแล้วเท่าไหร่ เรามีคำตอบมาฝากกัน

ราคาทองเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 63

  • ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 21,350 บาท ขายออกบาทละ 21,450 บาท
  • ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 20,966 บาท ขายออกบาทละ 21,950 บาท

ราคาทองเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 63

  • ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,900 บาท ขายออกบาทละ 30,000 บาท
  • ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 29,364 บาท ขายออกบาทละ 30,500 บาท

สังเกตได้ว่าราคาทองเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 8,500 บาทภายในเวลา 8 เดือน

  ทำไมราคาทองคำถึงสูงขึ้น?

เหตุผลหลักคืออัตราผลตอบแทนที่ลดลงอย่างมากในปีนี้จาก ธนาคารกลางของสหรัฐที่มีระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ หลังจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงเดือนมีนาคมเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยให้ให้ที่ต่ำสุดและเพิ่มการปล่อยให้ซื้อพันธบัตรหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ ทำให้ดึงมูลค่าอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ลดลงอย่างมากทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำแทน ด้วยเหตุนี้เองทำให้ความสนใจของนักลงทุนหันมาสนใจการลงทุนใน ทองคำ เเทนการลงทุนในพันธบัตรหรือเงินฝากธนาคาร เมื่อทองกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนทั่วโลกราคาจึงพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตอนนี้ ทองคำ อาจเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนระยะยาวความเสี่ยงน้อยสุด

  ราคาทองคำจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหรือไม่?

ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาการเงินของสหรัฐฯ เริ่มเกิดภาวะเงินเฟ้อผลักดันให้การลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนหันมาเพิ่มมูลค่าให้ทองคำมีราคาที่สูงขึ้น เรื่อยๆ ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ ผู้อำนวยการโรงกษาปณ์สหรัฐฯในเวลานั้นคาดการณ์ไว้ว่า ราคาทองจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเเนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะฟื้นตัวอย่างช้าๆและจะไม่มีเงินเฟ้อ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเกินกำหนดตามที่ คุณเฟอร์เกลโอคอนเนอร์ นักเศรษฐศาสตร์ที่ University College Cork ผู้ซึ่งเคยศึกษาประวัติตลาด ได้ให้ข้อมูลไว้หลังจากเหตุการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนักลงทุนสถาบันกำลังเพิ่มการถือครองทองคำของพวกเขามากขึ้นกว่าเดิมนอกจากนี้ ความต้องการเครื่องประดับของประเทศอินเดียและจีนยังเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้นในอีกทางหนึ่ง

  ราคาทองคำพุ่งสูงสะท้อนอะไร?

สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำนั้น ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีเท่าไหร่นักกับระบบเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก เพราะถ้าผู้คนมองหาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าสภาพความเป็นอยู่ของเขาย่อมไม่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงสูง ซึ่งการลงทุนก็เช่นเดียวกัน ถ้าถามว่าตอนนี้ทั่วโลกกังวลปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง ต้องบอกว่าปัญหาหลัก คือ เรื่องของเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลก จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ล่าสุดก็มีผู้ติดเชื้อดังกล่าวเกือบ 20 ล้านรายแล้ว ขณะที่ภาคการจ้างงานทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ออกมาดีมากนัก

นอกจากนี้ยังมีประเด็นของอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อค่อนข้างสูง อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเงินสกุลหลักของโลกก็อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง มากไปกว่านั้น จากปัญหาเดิมที่มีอยู่แล้ว สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจของโลกยังไม่ผ่อนคลายที่จะมีข้อพิพาทกับจีน โดยล่าสุดก็เกิดเป็นสงครามด้านเทคโนโลยี อย่างการที่เตรียมจะแบน Tiktok เพราะความกังวลต่อการขโมยข้อมูลของรัฐบาลจีน และจะให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft เข้าซื้อกิจการของ Tiktok ในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด แต่ทางรัฐบาลจีนไม่ยอมที่จะขายบริษัทเทคโนโลยีของตัวเองให้กับสหรัฐเด็ดขาด ดังนั้นจึงเกิดเป็นข้อพิพาทที่หาความลงตัวไม่ได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะลงทุนในทองคำในระยะนี้จากการมองเห็นว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ควรจะลงทุนอย่างระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์ความเป็นไปของโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะไม่เกิดความเสี่ยงจากการลงทุน เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าทองจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หรือ Safe Haven แต่ถ้าหากไม่มีความระมัดระวังในการลงทุนก็อาจจะไม่ได้ปลอดภัยสำหรับใครหลายๆ คนเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook