วิกฤตไซปรัสกดดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง62.05จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) ปรับตัวลง 62.05 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 14,452.06 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 8.60 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 1,552.10 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 11.48 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 3,237.59 จุดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาด้านการเงินและการคลังของไซปรัสอาจจะทำให้วิกฤตหนี้ยุโรปทวีความรุนแรงมากขึ้น ยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือไซปรัสวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยข้อตกลงช่วยเหลือดังกล่าวระบุว่าผู้ฝากเงินในธนาคารของไซปรัสจะถูกเก็บภาษีแบบครั้งเดียว (one-off) สำหรับเงินฝาก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แผนการช่วยเหลือทางการเงินประเทศในยูโรโซนระบุเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ฝากเงินในประเทศนั้นต้องเสียเงินโดยตรง นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีความกังวลว่าอาจจะมีการนำมาตรการดังกล่าวไปใช้กับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่า อย่างเช่น สเปนและอิตาลี ตลาดจึงมีความผันผวนมากขึ้นและนักลงทุนได้หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ ทางด้านประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส ของไซปรัส ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นิติบัญญัติผ่านกฎหมายเพื่อเก็บภาษีเงินฝากในธนาคารไซปรัส เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐสภาของไซปรัสประกาศเลื่อนการประชุมพิจารณาร่างกฎหมายในการกำหนดมาตรการภาษีแบบครั้งเดียว (one-off) สำหรับเงินฝากธนาคารที่มีการประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ ออกไปเป็นช่วงเย็นวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น นายเยียนนาคิส โอมิรู ประธานรัฐสภาไซปรัส กล่าวภายหลังการประชุมลับ ว่าจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อพิจารณาทบทวนและแก้ไขร่างกฎหมายที่ประกอบด้วยข้อเสนอหลายประการจากหลายฝ่าย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 2 จุด สู่ระดับ 44 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 หรือต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 46 ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งสัญญาณว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะต้องใช้เวลาสักระยะในการกลับมาปรับตัวแข็งแกร่งอีกครั้ง