นักเศรษฐศาสตร์ค้านออกพ.ร.บ.กู้เงิน2.2ลล.
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 33 แห่ง จำนวน 60 คน เรื่อง "นักเศรษฐศาสตร์ตั้ง KPI โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท" ว่า นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 56.7 อยากให้รัฐบาลดำเนินการลงทุนด้วยวิธีการอื่นๆ มากกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน เนื่องจากเป็นห่วงในปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในระยะ 7 ปีข้างหน้า เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ โดยนักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 96.6 ยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความได้เปรียบ รองรับการเปิด AEC และร้อยละ 81.6 เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินในปัจจุบันถึง 7 ปีข้างหน้าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระดมทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า เป็นปัญหาสำหรับการออก พ.ร.บ.กู้เงิน คือ ปัญหาหนี้สาธารณะ และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยในส่วนของปัญหาหนี้สาธารณะนั้น ร้อยละ 60.0 เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลเนื่องจากหนี้สาธารณะอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ต่อจีดีพี ในส่วนของความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลว่าจะดูแลปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่อาจเกิดขึ้นในโครงการนี้ได้ดีเพียงใดนั้น ร้อยละ 88.3 บอกว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย ในจำนวนนี้ร้อยละ 48.3 เชื่อว่าคงมีการทุจริตอยู่ในระดับที่สูงกว่าโครงการทั่วไป