กสิกรฯชี้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง ดอกเบี้ยขาขึ้นเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ความร้อนแรงของตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณเรื่องฟองสบู่ว่าจะอันตราย

เนื่องจากราคาที่ปรับขึ้นยังอยู่บนพื้นฐานที่อธิบายได้ ทั้งเรื่องของราคาที่ดินตามการปรับผังเมืองใหม่ โครงการรถไฟฟ้าที่ทำให้ความต้องการของประชาชนเปลี่ยนไปตามวิธีการดำเนินชีวิต

ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่อจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ต่ำลงจากอดีตจากที่เคยอยู่สูง 11% มาอยู่ที่ 4% ในปี 2555 เป็นการสะท้อนว่าผู้ประกอบการไม่ได้มีการพึ่งพาเงินสินเชื่อมากนัก ซึ่งภาพรวมของสถานการณ์ต่างจากวิกฤตปี 2540 

นายเชาว์ กล่าวถึงยอดคงค้างสินเชื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลต่อจีดีพีว่า มีการขยับขึ้นสูงต่อเนื่อง เป็นการสะท้อนถึงภาระหนี้ของภาคครัวเรือน โดยในปี 2555 ยอดคงค้างของสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 19.9% ต่อจีดีพี

จากปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 19.5% ต่อจีดีพี และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น โดยในอีก 2 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 21 -22% ต่อจีดีพี

ทั้งนี้ปริมาณหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะข้างหน้าหากวัฏจักรทางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปสู่ทิศทางของดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ของประชาชนในระยะข้างหน้าได้

"หากดูภาระหนี้รวมของประชาชน ทั้งภาระหนี้จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นพบว่าภาระหนี้อยู่ที่ระดับ 24% และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นโดยในอีก 2 ปีอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 30%

ซึ่งสะท้อนความเป็นห่วงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเป็นความท้าทายของ ธปท.ในการดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ" นายเชาว์กล่าว