ลงทะเบียนตู้เย็นข้างบ้าน รับเมล็ดพืชผักสวนครัวฟรี 200,000 ชุด
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จัดโครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัยโควิด-19 ให้กับเกษตรกร และคนทั่วไปสามารถเข้ารับเมล็ดพันธุ์พืชสวนครัวไปเพาะปลูกเพื่อเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือนลดผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์จากเอกชน 2 แห่ง คือ บริษัท เจียไต๋ จำกัด และบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด จำนวน 200,000 ชุด ซึ่งมีทั้ง เมล็ดผักบุ้ง, คะน้า ,ผักกาดกวางตุ้งต้น, แตงกวา, พริกขี้หนู, กะเพรา, ผักบุ้ง และคะน้ายอด เป็นต้น โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนด้วยการสแกน QR Code ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 63 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะครบจำนวน
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุถึงการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านทางเว็บไซต์ https://app.doae-gov.org/landing หรือสแกน QR code ทุกช่องทางสื่อสารของกรมส่งเสริมการเกษตร เช่น หน้าเว็บไซต์กรมส่งเสริมการเกษตร www.doae.go.th, Facebook Fanpage ประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร, ไลน์แอด “ข่าวส่งเสริมการเกษตร” โดย 1 ครัวเรือน (ทะเบียนบ้าน) จะได้รับจำนวน 1 สิทธิ์ คือ เมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว 1 ชุด ประกอบด้วย เมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว จำนวน 4-5 ชนิด
ส่วนขั้นตอนลงทะเบียนตู้เย็นข้างบ้าน เพื่อขอรับเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวมีดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์ https://app.doae-gov.org/landing หรือสแกน QR Code เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ (เริ่ม 24 ก.ย. 63 เวลา 12.00 น.)
- คลิกลงทะเบียน (1 Line / 1 ทะเบียนบ้าน = 1 สิทธิ์)
- คลิกอนุญาต
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
- คลิกลงทะเบียน
- บันทึกสำเร็จ
เมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตู้เย็นข้างบ้าน สำเร็จแล้ว ถ้าผู้ขอรับสิทธิ์อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง จะจัดส่งซองเมล็ดพันธุ์พืชสวนครัวตามโครงการตู้เย็นข้างบ้าน ให้ ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัด ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 1-10 ของกรมส่งเสริมการเกษตร จะส่งมอบเมล็ดพันธุ์พืชพร้อมรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและให้เกษตรตำบลในพื้นที่ส่งมอบให้กับผู้ลงทะเบียนร่วมโครงการตู้เย็นข้างบ้าน ส่วนข้อมูลทั้งการปลูก การดูแล การผลิตและขยายพันธุ์พืชนั้น สามารถเรียนรู้ผ่านเว็บไซต์หรือช่องทางการสื่อสารของกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ ซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาและแนะนำความรู้ พร้อมเข้าติดตามประเมินผลควบคู่อีกทางหนึ่งด้วย