สคร.เล็งออกกฎหมายลูก16ฉ.รับพรบ.ร่วมทุน
นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ พีพีพี หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา จากนี้จะมีการออกกฎหมายลูกอีก 16 ฉบับ อาทิ การประกาศกฎกระทรวงการคลัง การตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน จากฝ่ายต่างๆ โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่วางนโยบายการลงทุน และคัดเลือกว่าโครงการใดเข้าข่ายพีพีพี โดยต้องทำการแต่งตั้งให้แล้วเสร็จ ภายใน 120 วัน ทั้งนี้ การออกประกาศเกี่ยวกับการกำหนดมูลค่าการลงทุน ว่าการลงทุนประเภทใด จำนวนเงินเท่าใดจึงเข้าข่ายอยู่ใน พ.ร.บ.พีพีพี โดยจะต้องทำการศึกแนวทางจากต่างประเทศมาปรับใช้ เพื่อให้ได้มาตรฐานสากล เพราะมีกฎหมายดังกล่าวมาแล้วหลายประเทศ และเมื่อนำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้ จะทำให้โครงการการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศไทยคืบหน้าอย่างรวดเร็ว อาทิ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระบบด้านขนส่งคมนาคม 2 ล้านล้านบาท และการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท คาดว่า จะนำพีพีพีมาใช้ในโครงการดังกล่าว ทำให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ นายประสงค์ ยังกล่าวว่า หลังจาก พ.ร.บ.ร่วมทุน ได้มีผลบังคับใช้แล้ว โครงการที่เข้าข่ายในการร่วมทุนกับภาคเอกชน หรือ พีพีพี เช่น การสร้างรถไฟฟ้าเส้นต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล การสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา, ท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล, ท่าเรือสงขลา แม้จะเป็นการลงทุนในการดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนและบริหารจัดการ แต่จะไม่ให้กระทบต่อค่าบริการกับประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจาก จะมีคณะกรรมการจากภาครัฐเข้ามาควบคุมดูแล ไม่ให้ค่าโดยสารหรือค่าบริการ สูงจนประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้ง จะมีการวัดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุน รวมไปถึง ผลตอบแทนในส่วนที่คุ้มการลงุทนด้วยเช่นกัน