เราเที่ยวด้วยกัน ขยายเวลาใช้สิทธิถึง 30 เม.ย. 64 จองห้องพักได้ไม่เกิน 15 คืน
ที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบปรับปรุงโครงการ #เราเที่ยวด้วยกัน ขยายเวลาใช้สิทธิออกไปจนถึง 30 เม.ย. 64 จองห้องพักได้ไม่เกิน 15 คืนต่อ 1 สิทธิ
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. เห็นชอบการปรับปรุงโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน โดยมีรายละเอียด คือ
- การปรับปรุงขอบเขตการใช้สิทธิจำนวนการจองห้องพัก จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน ต่อ 1 สิทธิ เพิ่มเป็น 15 คืนต่อ 1 สิทธิ ขยายช่วงเวลาการจองที่พัก จากเวลา 06.00 – 21.00 น. เป็นเวลา 06.00 – 24.00 น. เพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการจากเดิม 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน ทั้งนี้ จำนวนห้องที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะ E-voucher แต่ไม่อุดหนุนเรื่องค่าที่พัก
- ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการถึง 30 เมษายน 2564
- เพิ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตฯ แต่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
- อนุมัติให้ธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว สามารถใช้ระบบคูปองออนไลน์ หรือ E-Voucher ได้ ประกอบด้วย ธุรกิจการขนส่งภาคท่องเที่ยว ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ
- ปรับปรุงเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน จากเดิมรัฐสนับสนุนร้อยละ 40 แต่สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่ภาคการท่องเที่ยวพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย
- กำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักร้อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
โดยที่ประชุมยังเห็นชอบการปรับปรุงโครงการ กำลังใจ โดยเปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมของโครงการ คือ บริษัทนำเที่ยวที่กรอกรายการนำเที่ยวไม่ครบ 15 รายการ สามารถกรอกเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ หากกรอกครบ 15 รายการแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมได้อีก และระยะเวลาที่จะเปิดให้สมัครเข้าร่วมโครงการและกรอกรายการนำเที่ยว ภายใน 15 ธันวาคม 2563
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไป และจะต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวโดยมีระยะเวลาของโปรแกรมการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน และเดินทางท่องเที่ยวได้เฉพาะวันธรรมดา คือ เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี โดยมีราคาค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคนต่อโปรแกรม และรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายคนละ 5,000 บาท สำหรับบริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดทะเบียนดำเนินธุรกิจก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563
อย่างไรก็ตาม บริษัทนำเที่ยวแต่ละรายสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการได้ไม่เกิน 3,000 ราย โดยโครงการมีระยะเวลาการดำเนินการ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ