ท่าช้าง รุก สร้างพันธมิตร ขยายฐานลูกค้ากลุ่มรักสุขภาพ 

นายอธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าช้างโกลบอล จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ทาง แบรนด์ ท่าช้าง เร่งสร้างพันธมิตรเพื่อเจาะตลาดคนรักสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ซึ่งยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในปี 2565 และจะมีผู้สูงอายุในประเทศมากกว่า 17 ล้านคน โดยเน้นกลุ่มพันธมิตรที่ใช้นวัตกรรมเป็นหลัก เพราะจะสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้อย่างลงตัว 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ช้อปปิ้ง และ CEO ท่าช้าง

ล่าสุดแบรนด์ ท่าช้าง ได้ร่วมมือกับ บริษัท บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ช็อปปิ้ง จำกัด หรือ BIS เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายกาแฟ ท่าช้าง โดยนายอิศรา ศรีศิวารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ช็อปปิ้ง เล่าว่า BIS คือ Business Model รูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมสินค้า และบริการที่ดีมีคุณภาพ โดยมีการจ่ายผลตอบแทนในกับสมาชิกในรูปแบบ cash back  และ ขณะนี้มีสมาชิกมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการตลาด พร้อมทั้งยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจทุกรูปแบบ โดย BIS จะแบ่งการพัฒนาแพลตฟอร์มเป็น 3 เฟส เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซให้ครอบคลุม ทั้งผู้บริโภค ผู้ค้ารายย่อย และผู้ประกอบการ โดยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 จะเปิดตัวแอปพลิเคชั่น แอปพลิเคชั่นอย่างเป็นทางการ 

CEO แบรนด์ท่าช้าง และ ภญ.วันทณีย์ เสนาคุณ บริษัท วันเวนเชอร์ จำกัด
นอกจากนี้ แบรนด์ ท่าช้าง ยังอยู่ระหว่างเจรจากับ ภญ.วันทณีย์ เสนาคุณ บริษัท วันเวนเชอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพซึ่งต่อยอดจากงานวิจัย และใช้สมุนไพรไทยเป็นหลัก อาทิ ตะไคร้หอม หัวหอม ใบฝรั่ง และ ขมิ้น สกัดเข้มข้น โดยใช้นวัตกรรมขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตสติ๊กเกอร์ที่มีความเหนียว และกาวสามารถทนต่อน้ำยาได้ ซึ่งขณะนี้มี 5 ผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ Happy Noz อาทิ สติ๊กเกอร์ป้องกัน PM 2.5 , ป้องกันแบคทีเรีย , ช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น แบบออร์แกนิก , ป้องกันยุง และป้องกันไวรัสโควิด-19 แบบออร์แกนิก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการมากในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 มียอดขายมากกว่า 5 ล้านบาท และ Sold Out  
 
ดังนั้น ทางบริษัท วันเวนเชอร์ จึงซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิตจากเดิม 2.5 แสนชิ้น เป็น 5 แสนชิ้นต่อเดือน พร้อมตั้งเป้าปี 2564 เติบโตที่ 60% โดยเน้นขยายตลาดทั้งนั้นและต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย, อินเดีย, เมียนมาร์ และประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 4 ตัว เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม นอนไม่หลับ, แก้ไอ, ความดัน และ ไมเกรน ซึ่งจะทำให้แบรนด์ ท่าช้าง ขยายฐานไปยังกลุ่มพันธมิตรทางการค้าเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจ