เราเที่ยวด้วยกัน เงินสะพัด 20,000 ล้านบาท ชงยืดเวลาถึง 31 ต.ค. 64

เราเที่ยวด้วยกัน เงินสะพัด 20,000 ล้านบาท ชงยืดเวลาถึง 31 ต.ค. 64

เราเที่ยวด้วยกัน เงินสะพัด 20,000 ล้านบาท ชงยืดเวลาถึง 31 ต.ค. 64
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่มีนักวิชาการบางรายมองว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเกิดปัญหารอบด้าน ทั้งช่องทางการลงทะเบียน จำนวนสิทธิผู้ลงทะเบียน รวมถึงการตรวจสอบผลการลงทะเบียน โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการยกเลิกการจองโรงแรมนั้น แต่ทางโรงแรมได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการเลื่อนวันเวลาเข้าพักเพิ่มอีก 40% จากประชาชน ขัดต่อหลักการของโครงการฯ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลคิดไม่ครบถ้วนนั้น

ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงการจองห้องพักว่า ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการพิจารณานำเสนอที่ประชุม ครม. เพื่อขยายระยะเวลาโครงการฯ ออกไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 64 รวมถึงกำหนดระบบการเลื่อนวันเข้าพักสำหรับประชาชนที่จองโรงแรมที่พักเพื่อเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 63 เป็นต้นไป โดยธนาคารกรุงไทย จะดำเนินการปรับปรุงระบบให้สอดรับกับการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยเร็วต่อไป ระหว่างนี้ประชาชนที่ได้จองโรงแรมที่พักเพื่อเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 63 หากต้องการเลื่อนการเข้าพักสามารถประสานกับโรงแรมได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยโรงแรมสามารถรับเรื่องไว้ได้ก่อน และขอให้โรงแรมดำเนินการแจ้งการเลื่อนในระบบต่อไป

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 64 เผยโครงการเราเที่ยวด้วยกันมีการใช้สิทธิจองห้องพักผ่านโครงการฯ แล้วทั้งสิ้น 5,106,470 สิทธิ (จากทั้งหมด 6 ล้านสิทธิ) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,634 ล้านบาท โดยเป็นการจองผ่านโรงแรมทั้งหมด 5,274 แห่ง รวมถึงมีการใช้จ่ายผ่าน E – Voucher ประมาณ 5,711.6 ล้านบาท และมูลค่าบัตรโดยสารเครื่องบินประมาณ 1,001.87 ล้านบาท โดยรวมแล้วมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการฯ แล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 7.3 ล้านคน โรงแรมที่พักเข้าร่วมโครงการแล้ว 8,514 แห่ง, ร้านอาหาร 67,527 แห่ง, สถานที่ท่องเที่ยว 2,098 แห่ง, ร้าน OTOP 1,383 แห่ง และสปาหรือร้านนวดเพื่อสุขภาพและบริการขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว 204 แห่ง

อ่านข่าวเกี่ยวกับโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook