ปรับภาพลักษณ์ของกะหรี่พัฟให้ทันสมัย ด้วยช่องทางออนไลน์

กะหรี่พัฟ เป็นอาหารว่างหน้าตาธรรมดาที่สามารถหารับประทานได้ไม่ยากนัก ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาไส้ให้มีความหลากหลายแตกต่างกันไป แต่ กันตา สารีคำธำรง หรือ คุณต๋อย ดัดแปลงขนมชนิดนี้ทั้งรูปแบบภายนอกและภายในเพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ พร้อมจดสิทธิบัตรในชื่อ "Puff Stick Khun Toy" พร้อมผลักดัน www.facebook.com/PuffStick.KhunToy ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

จุดเริ่มต้นบนโลกออนไลน์

คุณต๋อยเล่าว่า เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ร้านก็ขายกะหรี่พัฟในรูปแบบดั้งเดิมที่มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม แต่เนื่องจากจังหวัดสระบุรีเป็นแหล่งขึ้นชื่อของกะหรี่พัฟ

การที่มีร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันและอยู่ใกล้กันทำให้มีปัญหาด้านส่วนแบ่งตลาด ลูกค้าที่มามักจะไปซื้อร้านต้นตำรับที่ทำมานานและมีชื่อเสียง นอกจากนั้นกะหรี่พัฟยังมีอุปสรรคด้านรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งทุกร้านมีลักษณะเหมือนกันหมด ไม่เหมือนเบเกอรี่ชนิดอื่นที่มีสีสันสวยงามน่ารับประทาน เพราะฉะนั้นผู้บริโภคจึงเป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่ชื่นชอบรับประทานกะหรี่พัฟเท่านั้น

"เรื่องนี้ทำให้เรามีโจทย์ในเรื่องการพัฒนาปรับปรุงสินค้า ว่าเราจะทำอย่างไรให้สินค้าชนิดนี้มีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไปในขณะที่ยังใช้วัตถุดิบชนิดเดิม ตอนนั้นเราลองหลายวิธี จากกะหรี่พัฟในรูปแบบเดิมก็ลองรีดแป้งให้ยาวขึ้น

ส่วนไส้ก็ลองดัดแปลงเป็นอะไรที่กินง่ายและคนส่วนใหญ่ชอบอย่าง ปูอัด ไส้กรอก และเบคอน เอามารวมกัน จากนั้นก็ม้วนให้เป็นแท่งยาวๆ และพับหัว พับท้าย แล้วโรยผงปาปริก้าก่อนรับประทาน เนื่องจากขณะนั้นกระแสการรับประทานมันฝรั่งทอดโรยผงรสชาติต่างๆกำลังเป็นที่นิยม เราจึงตั้งชื่อให้ขนมที่ดัดแปลงใหม่ชนิดนี้ว่า พัฟสติ๊ก" คุณต๋อยเล่า

หลังจากทดลองวางขายคู่กับกะหรี่พัฟแบบดั้งเดิม ลูกค้าก็ให้ความสนใจพัฟสติ๊กมากกว่า เพราะรสชาติแปลกใหม่ มี 3 ไส้ในแท่งเดียว เวลาหยิบขึ้นมารับประทานก็ไม่เลอะมือ จากนั้นจึงนำกะหรี่พัฟรูปแบบใหม่นี้ไปจดสิทธิบัตร แต่การจดสิทธิบัตรในเรื่องของสูตรอาหารนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงได้จดในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่นั้นมาทางร้านจึงมุ่งเน้นการขายไปที่สินค้าพัฟสติ๊กชนิดเดียว
ปรับตัวให้ทันสมัยตามกระแสร้านค้ายุคใหม่

"เราคิดว่าการมีเฟสบุ๊คเป็นของตัวเองนั้นทำให้สินค้าของเราดูทันสมัยเข้ากับผู้บริโภคได้มากขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ของทางร้านมักจะมาจากการบอกต่อ ซึ่งทางร้านก็พยายามปรับปรุงแพ็คเกจให้ดูทันสมัยเนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะมองว่ากะหรี่พัฟเป็นของโบราณจึงต้องออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์ให้สวยสะดุดตาด้วยโลโก้ที่จำง่าย

อีกทั้งสังคมออนไลน์เป็นแหล่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและสามารถสร้างการบอกต่อกันได้ พฤติกรรมของคนสมัยนี้ตื่นเช้ามาก็เปิดเฟสบุ๊ค คนทำงานออฟฟิศก็เช่นกันมักจะเปิดหน้าจอทิ้งไว้ เพราะฉะนั้นสื่อนี้จึงเป็นเหมือนหน้าบ้านให้ทางร้านได้แชร์สิ่งต่างๆกับลูกค้า"

เฟสบุ๊คเปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางให้ร้านเข้าถึงคนกลุ่มใหม่ๆ เพราะสินค้าของทางร้านนั้นไม่ใช่สินค้าที่สวยสะดุดตา ร้านจึงพยายามใช้สื่อนี้เสมือนเว็บเพจ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ รวมถึงการแจ้งข่าวเปิดสาขา 2 ที่ตลาดนัดจตุจักร การประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นผ่านเฟสบุ๊ค ทำให้ลูกค้าที่เป็นแฟนเพจเกิดความสนใจ

ซึ่งขณะนั้นทางร้านได้จัดโปรโมชั่นการเปิดร้านสาขาใหม่ไว้สำหรับลูกค้า 50 ท่านแรกที่ซื้อสินค้าครบ 10 ชิ้น จะได้รับเสื้อยืดสกรีนลาย Puff Stick และใช้ในการประชาสัมพันธ์ถึงสินค้าสมนาคุณที่จะจัดขึ้นเวลาสิ้นปีหรือเทศกาลต่างๆ

ขยายสาขาให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม

คุณต๋อย เล่าถึงอุปสรรคของตัวสินค้าว่า "เรามองว่าขนมของทางร้านนั้นมีข้อจำกัด ไม่สามารถให้ลูกค้าสั่งทางระบบออนไลน์และส่งผ่านทางไปรษณีย์ได้ เนื่องจากสินค้าเป็นของทอด ถ้าทิ้งไว้นานๆแป้งจะนิ่ม คุณภาพจึงตกลงไปตามระยะเวลาการเดินทาง เพราะเมื่อของออกจากมือเราไปแล้วจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยทั้งระยะเวลาการขนส่งหรือการเก็บรักษาของไปรษณีย์

ทางร้านจึงตัดสินใจขายที่หน้าร้านที่สระบุรีให้กับกลุ่มลูกค้าประจำ และขายที่จตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น นอกจากนี้เราเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่อำเภอมวกเหล็ก หวังจะดึงกลุ่มลูกค้าที่ขับรถผ่านสระบุรีเพื่อออกไปยังจังหวัดอื่นๆ สาเหตุนี้ทำให้ลูกค้าของร้านพัฟสติ๊กจะมีทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่นักศึกษา คนทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ การใช้เฟสบุ๊คในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจึงกลายเป็นอีกเรื่องที่จำเป็นเพื่อให้ร้านกลายเป็นที่จดจำแก่ลูกค้า"

"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรักในสิ่งที่เราขาย ต้องมีความจริงใจให้ลูกค้า เพราะความรักในสินค้าจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆในการเปิดร้านหรือทำธุรกิจต่างๆไปแต่ และต้องหาจุดเด่นของร้านเพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำทั้งตัวแบรนด์และตัวสินค้าด้วย" คุณต๋อย ฝากถึงผู้ที่สนใจเริ่มต้นใช้สื่อออนไลน์