มาดามฟิน ชู “กัญชง” หนุนรายได้สู่ 1,000 ล้านบาท
ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ “ปลดล็อกกัญชง” เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เรียกเสียงฮือฮาจากทุกภาคส่วน เพราะถือเป็นการพลิกโฉมกัญชง หรือ กัญชา จากพืชที่ถูกตีตราว่าเป็นยาเสพติดไปสู่พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท เป็นความหวังของประเทศ โดยเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน บุคคลทั่วไปที่มีสัญชาติไทย ขออนุญาตปลูก หรือ ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะเพื่อศึกษา วิจัย ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เชิงพาณิชย์ จนถึงภาคอุตสาหกรรม ได้ทั้งหมด
นางสาวนรี ชีวสุทธิศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาดามฟิน จำกัด กล่าวว่า การปลดล็อคกัญชง ถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย “กัญชง” คือ กัญชาชนิดหนึ่ง แต่เป็นกัญชาสายพันธุ์ที่ให้สาร CBD (Canabidiol) เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ซึ่งในตลาดโลก สารสกัด CBD เป็นที่ต้องการของตลาดมาก เพราะเอาไปใช้เป็นส่วนผสมในหลายอุตสาหกรรม ทั้ง การผลิตยา เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และ อาหาร
ดังนั้น ทางบริษัทจึงตั้งงบประมาณในการวิจัยและพัฒนา สารสกัดจากกัญชงในเชิงพาณิชย์ สูงสุดถึง 8 หลัก เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีคุณภาพและประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของ มาดาม ฟิน ที่มีส่วนผสมจากสารสกัด CBD จะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มสายสุขภาพที่เน้นบำบัด สร้างความผ่อนคลาย บรรเทาอาการนอนไม่หลับ เนื่องจากไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันค่อนข้างเครียด จากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยเสริมทัพรายได้บริษัทปี 2564 สู่ 1,000 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับ ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ทุกคนรู้จัก แบรนด์ มาดาม ฟิน คือ น้ำหอมฟีโรโมน ซึ่งเป็นสูตรพิเศษผ่านการวิจัยและพัฒนากว่า 1 ปี ใช้หัวน้ำหอมนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ผสม สารสกัด ฟีโรโมน ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เมื่อฉีดแล้วติดทนกว่า 24 ชั่วโมง อีกทั้งกลิ่นน้ำหอมจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่ละคน ด้วยความโดดเด่นด้านนวัตกรรมความหอมจึงทำให้ยอดขายทุกผลิตภัณฑ์ ทั้ง โลชั่นดอกไม้ สบู่ เซรั่ม และ มูส สำหรับจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง สนนราคาตั้งแต่ 390 – 1,990 บาท พร้อมอัดโปรโมชั่นหั่นราคา แจกของแถม และ ดึงคู่รักดาราร่วมเป็นพรีเซ้นเตอร์ ทุ่มงบการตลาดมากกว่า 10 ล้านบาท จึงทำให้รายได้ในปี 2563 ขยายตัวถึง 20% ไร้ผลกระทบจากพิษโควิด -19 เนื่องจากทางบริษัทใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการทำตลาดสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุค New Normal