อาณาจักร โอ้กะจู๋ ร้านผักออร์แกนิกยิ่งใหญ่แค่ไหน ก่อน OR เข้าซื้อหุ้น 20%
จากกรณี บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้าลงทุน 20% ในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพ "โอ้กะจู๋" พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่มีจำนวนกว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Cafe Amazon ซึ่งมีจำนวนสาขาถึงกว่า 3,000 สาขา อยากรู้หรือเปล่าว่าประวัติความเป็นมาของ "โอ้กะจู๋" เกิดจากอะไร และอาณาจักรยิ่งใหญ่ขนาดไหน Sanook Money มีข้อมูลดีๆ มาฝากกัน
"โอ้กะจู๋" เกิดจากความรัก และความตั้งใจของ อู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล และ โจ้-จิรายุทธ ภูวพูนผล เพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ต้องการปลูกผักเกษตรอินทรีย์เพื่อนำไปทำอาหารภายในครอบครัว และได้ ต้อง-วรเดช สุชัยบุญศิริ เข้ามาเสริมทัพ และต่อยอดกลายเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ในคอนเซ็ปต์ "From farm to table" ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะขยายสาขาเจาะตลาดสายสุขภาพในกรุงเทพฯ กว่า 12 สาขา
ปัจจุบันทางร้าน "โอ้กะจู๋" ได้มีการพัฒนา และขยับขยายพื้นที่ปลูกผักเพิ่มขึ้น โดยเราได้เพิ่มโรงเรือนสำหรับปลูกผัก กับโรงเรือนระบบหมุนเวียนอากาศ ( Evaporative cooling system )ที่สามารถปลูกผักที่ปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลงซึ่งหารับประทานทานได้ยาก เช่น ผักคะน้าออร์แกนิค กะหล่ำปลีออร์แกนิค อีกทั้งยังสามารถลดอุณหภูมิในโรงเรือน ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพของผลผลิตได้ โดยพื้นที่ ที่ใช้ในการปลูกผักทั้งหมดนี้ คือ
- สวนที่ 1 “สวนผักแห่งศรัทธา” มีพื้นที่ขนาด 12 ไร่ บริเวณด้านหลังของที่ตั้ง คาเฟ่ สาขาแรก
- สวนที่ 2 “สวนปลูกผักเพราะรักแม่” ที่มีพื้นที่ขนาด 8 ไร่ ซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่ ที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคอยู่แล้วเป็นเวลา 2 ปี จึงทำให้เราสามารถปลูกผักสลัดออร์แกนิคได้ทันที เพื่อส่งสู่ครัวโอ้กะจู๋
- สวนที่ 3 “สวนปลูกผักเพราะรักพ่อ” ที่เราได้ขยายพื้นที่ในต้นปี 2558 บนพื้นที่ขนาด 50 ไร่ สำหรับเตรียมความพร้อมสู่ครัวโอ้กะจู๋ สาขา 2 (แอร์พอร์ต)
สำหรับ รายได้โอ้กะจู๋ ที่ผ่านมานั้น พบว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 57 ดำเนินธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร-ร้านอาหาร ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้
- ปี 2560 รายได้ 84.3 ล้านบาท กำไร 1,828,247 บาท
- ปี 2561 รายได้ 181.5 ล้านบาท กำไร 11.78 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้ 643 ล้านบาท กำไร 79.83 ล้านบาท