สรรพสามิตชี้เงินคืนรถคันแรกเหลืออื้อ 4 เดือนจ่ายแค่ 5.7 พันล้าน
สรรพสามิตเผยยอดทิ้งใบจองรถคันแรกเพิ่ม ส่อแววรัฐจัดตั้งงบฯคืนเงินผู้ใช้สิทธิ์น้อยลงกว่าปีละ 4 หมื่นล้านบาท ด้านกรมบัญชีกลางเผยผ่านมา 4 เดือน เพิ่งใช้เงินคงคลังไปเพียง 5,700 ล้าน คาดใช้ไม่เต็มวงเงินที่ตั้งไว้ 3.1 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตเปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีมีผู้ที่จองซื้อรถยนต์ในโครงการรถคันแรกทิ้งใบจองกันมากขึ้นว่า ไม่ได้มีผลกระทบกับการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต เพราะส่วนใหญ่เป็นการทิ้งใบจองก่อนที่จะมายื่นขอใช้สิทธิ์ ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่าต้องยื่นเอกสารขอใช้สิทธิ์ภายใน 90 วัน หลังได้รับส่งมอบรถยนต์แล้ว
อย่างไรก็ดีการที่มีการทิ้งใบจองกันมากขึ้น อาจจะส่งผลให้กรมสรรพสามิตสามารถปรับลดวงเงินงบประมาณที่จะต้องตั้งมาจ่ายคืนแก่ผู้มีสิทธิ์ลงได้ จากเดิมที่ในปีงบประมาณ 2556 คาดว่าจะต้องใช้งบระมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท และปีงบประมาณ 2557 ใช้งบประมาณอีกราว 4 หมื่นล้านบาท
"ถ้าเขาทิ้งใบจองกันมาก เราก็ตั้งงบฯจ่ายคืนน้อยลง จากช่วงเดือน ธ.ค. 2554 ที่จะสิ้นสุดมาตรการ ตอนนั้นมีใบจองเข้ามากว่า 2 แสนราย" แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้ใช้เงินคงคลังจ่ายเงินคืนแก่ผู้ใช้สิทธิ์โครงการรถคันแรกไปแล้ว เป็นจำนวนเงิน 5,778 ล้านบาท โดยจนถึงล่าสุดมียอดโอนเงินแล้วทั้งสิ้นประมาณ 1.04 หมื่นล้านบาทเศษ คิดเป็นจำนวนผู้ได้รับเงินคืนกว่า 1.53 แสนราย โดยงวดล่าสุดคือเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 3.93 หมื่นราย วงเงิน 2,649 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปีงบประมาณ 2556 ตั้งงบประมาณสำหรับจ่ายเงินคืนรถคันแรกไว้แค่ 7,250 ล้านบาท แต่เมื่อขยายมาตรการจนทำให้มียอดขอใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเมินว่าในปีงบประมาณนี้จะต้องใช้งบประมาณจ่ายคืนกว่า 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จึงอนุมัติให้ใช้เงินคงคลังในกรณีดังกล่าวได้
"ปีนี้มีการอนุมัติให้ใช้เงินคงคลังจ่ายคืนรถคันแรกไว้ 3.1 หมื่นล้านบาท ส่วนปีถัดไปก็จะมีการตั้งงบประมาณให้อยู่แล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็คาดว่าเงินคงคลังที่ตั้งไว้จะใช้ไม่หมด เพราะเหลืออีกแค่ 4 เดือนจะสิ้นปีงบประมาณ แต่เพิ่งเบิกไปแค่ 5,778 ล้านบาท จึงคาดการณ์ว่าน่าจะใช้ไม่หมดเพราะยอดโอนแต่ละงวดไม่สูง อย่างรอบเดือน เม.ย.ถือว่าสูงสุดแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว