ธุรกิจหลักกลุ่มเกียรตินาคิน-ภัทรโตตามเป้า

ธุรกิจหลักกลุ่มเกียรตินาคิน-ภัทรโตตามเป้า

ธุรกิจหลักกลุ่มเกียรตินาคิน-ภัทรโตตามเป้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของธุรกิจหลัก ของกลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคิน-ภัทร ทั้งสินเชื่อ เช่าซื้อ สินเชื่อธุรกิจ และธุรกิจบริหารหนี้ มีการเติบโตและมีผลงานเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจากนี้จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบรรษัท หรือสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจซื้อขายลงทุนตราสารหนี้และอนุพันธ์ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ นายอภินันท์ เปิดเผยว่า ธุรกิจตลาดทุนขณะนี้ มีผลประกอบการที่โดดเด่นมาก ตั้งแต่ต้นปี ส่งผลมาจากสภาวะตลาดหุ้นที่เอื้ออำนวย ความสามารถของทีมงาน และการขยายขนาดของการลงทุนจากการสนับสนุนด้านเงินทุนของธนาคารภายหลังการควบรวม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้การกระจายตัวของรายได้และกำไรของกลุ่มธุรกิจการเงินฯ มีความสมดุลมากขึ้น โดยไม่พึ่งพาธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง และยังคงเสริมศักยภาพการเติบโตได้เป็นอย่างดีขณะที่ ในปีนี้ ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 19% ลดลงจากปีก่อน ที่เติบโตกว่า 30% เนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อในปีนี้ เติบโตในอัตราที่ชะลอลง หลังสิ้นสุดนโยบายรถคันแรก ที่เป็นตัวกระตุ้นตลาดในปีที่แล้ว โดยคาดว่า สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเติบโตน้อยกว่าปีที่แล้ว ที่เติบโต 15% ซึ่งบริษัทจะเน้นรุกสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ คาดว่า ในปีนี้จะเติบโตถึงกว่า 30% โดยในไตรมาสแรกของปี 2556 สินเชื่อธุรกิจเติบโตไปแล้ว 9% สินเชื่อเช่าซื้อเติบโตราว 4% และในไตรมาสที่ 3/56 จะมีการรีแบรนดิ้งกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน-ภัทรนอกจากนี้ การดำเนินงานของกลุ่มการเงินเกียรตินาคิน-ภัทร มีการทำงานที่แยกส่วน แบ่งพื้นที่กลุ่มอย่างชัดเจน โดย บล.เกียรตินาคิน จะเน้นลูกค้ารายย่อย และ บล.ภัทร จะเน้นกลุ่มลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศ โดยแต่ละองค์กรเน้นกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน และการดำเนินธุรกิจก็ต่างกัน ทำให้ไม่เกิดการซ้ำซ้อนขึ้น ทั้งนี้ นายอภินันท์ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บล.ภัทร มีการลงทุน 5-6 พันล้านบาท คาดว่า หลังร่วมกิจการจะมีความสามารถในการขยายธุรกิจการลงทุนได้ ราว 1 หมื่นล้านบาท และมีความได้เปรียบ เนื่องจากมีบริษัทแม่เป็นธนาคารพาณิชย์ ส่วนแผนงานด้านตลาดเงิน ได้มีการเตรียมทีมครบแล้ว ตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยมีการซื้อขายตราสารหนี้ไปแล้วบางส่วน และตลาดอนุพันธ์จะเริ่มซื้อขายได้ในไตรมาสที่ 3
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook