โอ อนุชิต ผู้ชายที่หลงเสน่ห์เทคโนโลยี
โอ-อนุชิต สหพันธุ์พงษ์ นักแสดงมากบทบาทและล่าสุด "พิราม" ในละครพรพหมอลเวงที่เพิ่งจบไป ด้วยไลฟ์สไตล์และความชอบของหนุ่มคนนี้ต้องบอกว่าไม่ยอมเป็นคนตกเทรนด์ทีเดียวเพราะถ้าเขาสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆแล้วจะต้องเข้าไปเป็นกลุ่มแรกเสมอ ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าไม่ได้เป็นผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับมันเลยเพราะว่าการได้นำเทรนด์มันคูลกว่าการตามเทรนด์เป็นไหนๆ
เทคโนโลยีต้องเป็นกลุ่มแรก
โอ เล่าว่า "สำหรับผมจะเป็นคนที่ไม่วิ่งตามเทคโนโลยีหรือเทรนด์มากหนัก หากเป็นเทคโนโลยีที่มี
คนส่วนใหญ่ได้คนนิยมไปสักพักแล้ว แต่ถ้าได้เป็นกลุ่มแรกๆ หรือรู้ก่อนมันจะเข้ามาในเมืองไทยด้วยจะรู้สึกตื่นเต้นและชอบมากเพราะรู้สึกว่ามันทำให้ตัวเองเจ๋งที่เป็นคนรู้จักเทคโนโลยีใหม่ก่อนใครหรือกลุ่มคนแรกๆในเมืองไทย"
เทคโนโลยีหรือเทรนด์ออนไลน์ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ต่างประเทศแนะนำมาให้ลองเล่นเช่นที่ผ่านมามั่นใจมากว่าเป็น 1 ใน 100 คนของคนไทยที่เริ่มเล่นทวิตเตอร์ เพราะตอนนั้นทวิตเตอร์ใหม่มากสำหรับเมืองไทยแต่ที่อยู่อเมริกานิยมเล่นกันมากแล้วเพื่อนที่อยู่นั้นจึงมาชวนเล่นก็ตัดสินใจเล่นทันทีเพราะรู้สึกว่ามันแปลกใหม่คนไทยยังไม่รู้จัก
โอเล่าว่าช่วงแรกที่เล่นจะไม่ค่อยเข้าใจว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้น่าสนใจอย่างไร เพียงแค่ทวีตข้อความ 140 ตัวอักษรออกไปแล้วมันจะได้อะไรกลับมาก็ใช้เวลาศึกษาและเล่นไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพชัดเจนตอนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงเฟสบุ๊กด้วยเช่นกันที่เริ่มเล่นกับเพื่อนที่อเมริกาจึงกลายเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่ใช้เฟสบุ๊ก
โซเชียล เน็ตเวิร์กใหม่ๆ ต้องลอง
ตอนนี้ที่คนไทยกำลังนิยมมากคืออินสตราแกรม ซึ่งสำหรับแอพพลิเคชั่นนี้ไม่ได้เล่นตั้งแต่ช่วงแรกและรู้จักตอนคนเริ่มเล่นกันมากแล้วทำให้ไม่สนใจจะเข้าไปเล่นด้วยเท่าไร แต่เพื่อนๆในกลุ่มเล่นกันหมดทุกคนและต้องการจะอวดและโชว์รูปให้เราด้วยเลยมาตื้อให้สมัครอินสตราแกรมจึงตัดสินใจสมัครและเข้ามาเล่นปรากฏว่าได้กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ติดมากที่สุดตอนนี้สำหรับตัวเองเพราะเข้าแอพฯนี้ทุกวัน จนเพื่อนๆแซวว่าไหนบอกไม่เล่นไง
โอเล่าว่าตอนนี้ยังมีโซเชียล เน็ตเวิร์กอีกหนึ่งตัวที่เล่นแต่ยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยนั้นคือ tumblr พร้อมบอกเหตุผลว่าอย่างที่เคยบอกไปไม่ชอบเห่ออะไรตามคนอื่นอยากจะเป็นผู้นำเทรนด์มากกว่าและเมื่อมีคนมารู้ว่าเราเล่นโซเชียล เน็ตเวิร์กใหม่ๆ ที่คนไทยไม่ค่อยจะรู้จักทำให้คนมองว่าเรานี้ทันสมัยนำเทรนด์ตลอดเวลา มีความภูมิใจกว่าการวิ่งตามกระแสเห่อคนนิยมเล่นกันเยอะๆ
โออธิบายถึงโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่าง tumblr ว่าเป็นเว็บบล็อกที่มีส่วนผสมระหว่างทวิตเตอร์และเฟสบุ๊กรวมกันอยู่ ซึ่งสิ่งที่เจ๋งของมันคือสามารถอัพทุกอย่างได้ไม่ว่าจะเป็นข้อความทั่วไป วิดีโอ เสียง เพลง รูปภาพ บทสนทนา ลิงก์ รวมไปถึงการถาม-ตอบผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ที่สำคัญไม่จำกัดจำนวนคำเหมือนอย่างทวิตเตอร์ สาเหตุที่ชอบนอกจากไม่ค่อยมีใครเล่นแล้วคือการทำให้รู้สึกเจ๋งหน่อยๆ เวลามีคนมาทักว่าพี่โอมี tumblr ด้วยเหรอมันทำให้เราดูเป็นกลุ่มคนพิเศษด้านเทคโนโลยีทันที รวมถึงแอพพลิเคชั่น Pinterest ด้วยที่กำลังเล่นอยู่ซึ่งคนไทยยังไม่ได้นิยมมากนัก
"นอกจากการมีโซเชียล เน็ตเวิร์กไว้เพื่อแสดงถึงความอินเทรนด์ของเราแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเช่นกันคือการใช้เป็นช่องทางให้แฟนคลับในการอัพเดทเรื่องราวของเรา แต่บางอันเล่นแล้วไม่ค่อยมีใครเล่นพอเล่นไปสักพักก็จะเลิกไปบ้างเหมือนกันบางอันเพราะไม่ค่อยมีใครคอยโต้ตอบกันทำให้ไม่สนุกเท่าไร เหล่าแฟนคลับจะรู้จักเราดีกับการเห่อเล่นโซเชียล เน็ตเวิร์กใหม่ๆ เพราะจะเล่นก่อนเพื่อนและถ้าคนมาเล่นด้วยไม่เยอะก็จะเลิกและไปเล่นอันใหม่ไปเรื่อยๆ จนแฟนคลับชอบแซวว่าอ้าวไม่เล่นแล้วเหรอ เพราะแฟนคลับตัวจริงจะชอบตามไปอยู่ในทุกๆที่ที่เราไปเล่น"
อีบุ๊กเพื่อนสนิทติดกาย
ตอนนี้แอพพลิเคชั่นที่ใช้ประจำทุกวันจริงๆ นอกจากอินสตราแกรมคือแอพพลิเคชั่น E-Book เพราะปกติเป็นคนชอบอ่านหนังสือและแมกกาซีนอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีแอพพลิเคชั่น E-Book ขึ้นมาและมีการให้บริการของสำนักพิมพ์ต่างๆ ในการให้ผู้อ่านสามารถซื้อหนังสืออ่านผ่านแอพฯได้ จึงกลายเป็นแอพฯที่ชื่นชอบมากในการเปิดใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งเวลาเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัดสามารถพกพาหนังสือหรือแมกกาซีนได้มากกว่าหนึ่งเล่ม โดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระหรือหนักกระเป๋าเหมือนก่อนเป็นแอพฯที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างแท้จริง
โอเล่าต่อว่าหนังสือที่ซื้อมาอ่านส่วนใหญ่จะเป็นท่องเที่ยว เก็ดเจ็ท ตกแต่งบ้าน สุขภาพและร้านอาหาร ซึ่งจะมีแมกกาซีนที่ต้องซื้อทุกเดือนทำให้ตอนนี้หนังสือกองเต็มบ้าน แต่เมื่อแมกกาซีนเริ่มพัฒนาคอนเทนต์ให้อยู่บน E-book จึงทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บลงไปได้เยอะเช่นกัน เพราะสามารถสมัครสมาชิกแบบ Subscribe เพื่ออ่านผ่าน E-book ได้เลย
ใช้แอพฯ Location Base ในการเลือกร้านอาหาร
การเข้าไปร้านอาหารต่างถิ่นหรือร้านใหม่ๆที่ต้องการจะไปลองแล้วพบว่าอาหารไม่อร่อยถูกปากถือเป็นความล้มเหลวในการไปกินข้าวในมื้อนั้นทันที การใช้แอพพลิเคชั่น Location Base ถือเป็นเครื่องมือในการไม่ตัดสินใจพลาดในการเลือกร้านได้เช่นกัน เมื่อไปในย่านหนึ่งและมีร้านให้เลือกมากมายแต่ไม่เคยกินสักร้าน
โอแบ่งปันประสบการณ์เลือกร้านอาหารโดยการใช้แอพพลิเคชั่น 4Square ให้ฟังว่าแอพฯ Location Base ถือว่านอกจากจะช่วยหาร้านอาหารในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยได้แล้ว ยังช่วยให้เลือกร้านอาหารไม่ผิดด้วยเนื่องจากมีครั้งหนึ่งเมื่อเข้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่งและทำการ Check in ปรากฏพบว่ามีรีวิวจากคนที่เคยมากินร้านนี้บอกว่าไม่อร่อย เมื่ออ่านเจอก็รู้สึกว่าเราคงพลาดแล้วที่เข้าร้านนี้และผลปรากฏว่าไม่อร่อยจริงๆ หลังจากนั้นจึงต้องหามุมในการ Check in เพื่ออ่านดูรีวิวก่อนจะเข้าไปกินร้านอาหารทุกครั้ง
Gadget ชื่นชอบ
โอเล่าว่าตอนนี้อยากได้เนโกะมิมิคือหูแมวสื่อใจ ซึ่งลักษณะเป็นคาดผมหูแมวโดยหลักการทำงานของเนโกะมิมิ คือการติดตั้งเซ็นเซอร์ดักจับไว้ 2 แห่ง เซ็นเซอร์นี้จะทำหน้าที่ตรวจจับความคิดและอารมณ์ของผู้สวมใส่ และแปรสภาพมาเป็นการเคลื่อนไหวที่หูแมว โดยเราจะสามารถเห็นความรู้สึกของตนเองได้ ผ่านหน้าจอที่แสดงผลเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นสีแดงแสดงถึงความกังวลและตั้งใจจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากคลื่นเป็นสีเขียวก็จะหมายถึงอารมณ์ที่ผ่อนคลาย
การเคลื่อนไหวของหูแมวจะมี 4 แบบ เมื่อผู้สวมแสดงความกังวลหรือจดจ่อกับอะไรบางอย่าง หูแมวจะตั้งขึ้น แต่จะพับลงมาเมื่อผู้สวมรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะเวลาที่เราทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเรารู้สึกมีความสุขและมี สมาธิ เช่น การอ่านหนังสือหรือเล่นเกม หูแมวก็จะหมุนไปมา แต่หากว่าเราอยู่เฉยๆ โดยสมองไม่มีเรื่องให้คิดกังวลอะไร หูแมวก็แค่ขยับไปด้านหน้าและด้านหลังเท่านั้น
โอบอกว่าตนชอบ Gadget ชิ้นนี้มากตอนมีข่าวออกมาและเกิดอาการอยากได้ทันทีเพราะรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ในการใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์มาจับคลื่นสมองและสั่งการผ่านอุปกรณ์ธรรมดาเช่นคาดผมหูแมวได้ และรู้สึกว่าตอนนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงที่เมื่อก่อนรู้สึกถึงความห่างไกลแต่เริ่มเข้ามาอยู่กับเครื่องใช้ภายในบ้านมากขึ้น ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนนอกจากความสะดวกสบายแล้วเริ่มมีสีสันสนุกสนานมากขึ้นด้วย และ Gadget อีกอันที่อยากได้มากคือ google glass แต่คงต้องสำเนียงดีมาก อาจต้องรอให้พัฒนาภาษาไทยมารองรับคิดว่าเป็นอีกชิ้นที่อยากได้มาครอบครอง
"เทคโนโลยีในตอนนี้เป็นตัวที่ช่วยในการกระจายข่าวสารและข้อมูลอย่างรวดเร็ว ทันใจมากขึ้น คุณสามารถสืบและเสพข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเมื่อก่อน เพราะฉะนั้นเมื่อสิ่งที่มาตอบสนองความเร็วได้มากๆ การใช้งานของทุกคนต้องมีความรับผิดชอบและสติในการเสพและเผยแพร่ด้วย เช่น การส่งข้อความผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อช่วงน้ำท่วม มีการกระจายข้อความทวีตว่าขาดชุดชั้นใน ซึ่งภายในเวลา 2 นาทีได้มีคนช่วยกันรีทวีตข้อความนี้จนกลายเป็นมีคนบริจาคจนชุดชั้นในเกินความจำเป็นจนต้องทวีตว่าไม่ต้องส่งมาแล้ว เป็นต้น
ซึ่งจากกรณีนี้จะเห็นว่าหากมีการจัดสรรการใช้แอพฯ เหล่านี้ให้ดีจะมีประโยชน์ต่อตัวเราและสังคมมาก ดังนั้นการกระจายข่าวสารจะต้องมีสมาธิและสติและความรับผิดชอบสูงมากเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนเขียนก็ตาม" โอ อนุชิต กล่าวทิ้งท้าย