Bitcoin ดิ่งต่อเนื่อง หลังจีนลั่นแบนธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตฯ
ธนาคารกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBoC) ได้ออกแถลงการณ์ย้ำให้สถาบันการเงินและบริการชำระเงินอื่น ๆ ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับธุรกรรม Cryptocurrency ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีนออกมาแสดงทัศนะเชิงบวกต่อบิทคอยน์ว่าเป็นสกุลเงินทางเลือกเสริมนอกจากสกุลเงินประเภทอื่น แต่ท่าทีล่าสุด จีนได้สั่งไม่ให้สถาบันการเงินต่างๆ ทั้งธนาคารและช่องทางการชำระเงินออนไลน์ ห้ามให้ลูกค้าทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียน การซื้อขาย หรือแม้แต่การเสนอขายโทเคนในแพลตฟอร์ม
ธนาคารกลางจีนได้ระบุรายละเอียดว่า “ไม่นานมานี้ ราคา Cryptocurrency พุ่งสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว มีการซื้อขายเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยต่อสินทรัพย์ของประชาชน และดิสรัปต์ระเบียบเศรษฐกิจและการเงินในประเทศ”
สภาวะตลาด Cryptocurrency ร้อนแรงมาโดยตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านี้ราคาคริปโตเคอร์เรนซีผันหวนหนัก ได้รับแรงปัจจัยจากกรณีที่นายอีลอน มัสก์ ราชันย์แห่งเทคโนโลยี (Technoking) ของ Tesla ได้ออกมาแสดงความคิดต่อสกุลเงินบิทคอยน์วันต่อวัน จนถึงกระทั่งมีความคิดที่อาจจะขายสกุลเงินบิทคอยน์หากการขุดเหมืองบิทคอยน์ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การซื้อขายบิทคอยน์เข้าสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ ณ วันที่ 14 พ.ค. 64 พบราคาบิทคอยน์มีความผันผวนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นไทย แม้ว่าผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันสูงถึง 89.09% มากกว่าลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทน 9.58%
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยรายเดือนในปี 2564 พบว่ามีทิศทางปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดือน ม.ค. 64 มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เดือนมี.ค. 64 อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท และเดือน เม.ย. 64 อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเดือน พ.ค. 64 อยู่ที่ 5 พันล้านบาท มูลค่าการซื้อขายสะสมกว่าที่ 1 แสนล้านบาท (18.72%) จากมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด