คลังดันแพ็คเกจกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ "คนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้" เข้า ครม. 1 มิ.ย. นี้

คลังดันแพ็คเกจกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ "คนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้" เข้า ครม. 1 มิ.ย. นี้

คลังดันแพ็คเกจกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ "คนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้" เข้า ครม. 1 มิ.ย. นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาแพ็คเกจกระตุ้น-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีทั้ง คนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรคนจน วงรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท ในวันที่ 1 มิ.ย. 64

เว็บไซต์ thebangkokinsight รายงานว่า น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่าในวันที่ 1 มิ.ย. 64 กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณา 4 โครงการช่วยเหลือประชาชนเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท) ที่มีเลขาธิการสภาพพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติให้ใช้แหล่งเงินกู้แล้วด้วย 4 โครงการ ได้แก่

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน

  • เติมวงเงินให้กับผู้มีรายได้น้อยเข้าบัตรฯ จำนวน 13,650,000 คน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณ 16,400 ล้านบาท

ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ไม่มีสมาร์ทโฟน

  • เติมเงินให้กับกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนและต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่เคยร่วมโครงการเราชนะ จำนวน 2,500,000 คน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่งเฟส 3

  • กระตุ้นการใช้จ่ายผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง และผู้ประกอบการรายย่อยในลักษณะ Copay หรือ 50:50 โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้สูงสุดวันละ 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการเป็นวงเงินรวม 3,000 บาท

  • แบ่งจ่ายงวดแรก 1,500 บาท ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และไตรมาสที่ 4 อีก 1,500 บาท ครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน

  • โครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิอีก 16 ล้านคน จากเดิมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวน 15 ล้านคน คาดใช้งบรวมกว่า 93,000 ล้านบาท

โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

  • กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะมีการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หลังจากที่ ครม. อนุมัติโครงการ กลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 28,000 ล้านบาท

  • รัฐบาลจะสนับสนุน E-Voucher สำหรับค่าใช้จ่ายสินค้า อาหาร-เครื่องดื่ม และค่าบริการ (ไม่รวมลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมัน และก๊าซสำหรับยานพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน) ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ยอดใช้จ่ายเพื่อคำนวณ E-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน แบ่งเป็น 2 ต่อ ดังนี้

    • ต่อที่ 1 ใช้จ่าย 1-40,000 บาทแรก รับ E-Voucher 10% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไมเกิน 4,000 บาทต่อคน

    • ต่อที่ 2 ใช้จ่าย 40,001-60,000 บาท รับ E-Voucher 15% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

  • วิธีการใช้จ่ายผ่านโครงการ จะต้องนำเงินเข้ามาในวอลเลตบนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง โดยใช้จ่ายในการซื้อสินค้า-บริการ ที่จะได้รับ E-Voucher ช่วง ก.ค.-ก.ย. 64 จากนั้นจะได้รับ e-Voucher คืนทุกต้นเดือนถัดไปหลังมีการใช้จ่าย หรือช่วง ส.ค.-ธ.ค. 64 โดยวงเงินสิทธิที่ได้รับนั้น ก็จะเข้ามาในวอลเลตบนแอปเป๋าตังเช่นกัน ซึ่งไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ครม.ได้เห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ โครงการที่ออกมาในระยะแรก เช่น การเพิ่มวงเงินโครงการเราชนะ บรรเทาภาระประชาชนในช่วงโควิดอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท ระยะเวลา 2 สัปดาห์ วงเงิน 2,000 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณ 67,000 ล้านบาท และโครงการ ม33เรารักกัน เพิ่มวงเงิน 2,000 บาท ใช้งบประมาณรวม 18,500 ล้านบาท สามารถดูแลประชาชนได้ครอบคลุมกว่า 51 ล้านคน จะส่งผลให้เม็ดเงินไหลสู่ระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 400,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 1% ของ GDP

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook