ไทยขึ้นเบอร์1ประเทศน่าลงทุนรร. ชี้โครงสร้างพื้นฐานเอื้อ-นักท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง

ไทยขึ้นเบอร์1ประเทศน่าลงทุนรร. ชี้โครงสร้างพื้นฐานเอื้อ-นักท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง

ไทยขึ้นเบอร์1ประเทศน่าลงทุนรร. ชี้โครงสร้างพื้นฐานเอื้อ-นักท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มนักลงทุนโรงแรมไทย-เทศโปรยยาหอม "ไทย" สุดยอดเดสติเนชั่นที่น่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เผยโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อ จำนวนนักท่องเที่ยวยังขยายตัวดี แถมกฎ ระเบียบยังเอื้อต่อการลงทุน เชื่อปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 9 ปีของธุรกิจโรงแรมไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนา "เอเชีย แปซิฟิก โฮเทล อินเวสต์เมนต์" เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักลงทุน เจ้าของโรงแรม และแบรนด์โรงแรมทั้งไทยและต่างประเทศระดับแถวหน้ามากกว่า 200 คน

ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ทั้งโอกาส ความเสี่ยง และแนวโน้มการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกด้านการลงทุนภาคโรงแรมในขณะนี้ โดยภายในงาน มีการสำรวจความเห็นนักลงทุนด้วยว่าเดสติเนชั่นต่อไปที่อยากไปลงทุนมากที่สุดคือ ประเทศไทย รองลงมาคือ กัมพูชา พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

นายเควิน บูเวส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซิงค์ อินวิชั่น ฮอสพิทาลิตี้ จำกัด กล่าวว่า ไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่น่าสนใจสำหรับลงทุนโรงแรม เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีมาก

เช่นเดียวกับนายซันนี บาจาจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัมบูรายา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด ที่กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ไทยเป็นเดสติเนชั่นหลักที่บริษัทเขาจะปักธงเพิ่มจำนวนโรงแรมเมื่อมีโอกาส

ด้านนายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หนึ่งในเชนโรงแรมไทยที่กำลังโกอินเตอร์ในขณะนี้ กล่าวว่า เหตุที่ไทยยังเป็นฮอตเดสติเนชั่นของภูมิภาคเอเชีย

เป็นเพราะขนาดเค้กนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ขึ้น

โดยปีนี้คาดว่าจะมีต่างชาติมาไทยถึง 24 ล้านคน มากเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค ทั้งกฎหมายการลงทุนยังเอื้อให้เกิดการลงทุนโรงแรมอย่างมากด้วย

โดยกลุ่มที่เข้ามาลงทุนโรงแรมในไทยมากที่สุด ยังคงมาจากฮ่องกงและสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มให้ความสนใจมาลงทุนในรูปแบบกองทุนอสังหาริมทรัพย์กันมากขึ้น ทั้งยังเข้าใจธรรมชาติเจ้าของโรงแรมชาวเอเชียจึงดีลกันได้ง่าย ขณะที่กองทุนอสังหาฯจากซีกตะวันตกนั้นไม่แพร่หลายนัก เป็นเพราะทัศนคติของเจ้าของโรงแรมชาวเอเชีย

ไม่เน้นสร้างโรงแรมเพื่อเก็งกำไร ซื้อมาขายไปเหมือนในยุโรปและสหรัฐ แต่นิยมเก็บเป็นทรัพย์สินถึงรุ่นลูกรุ่นหลานมากกว่า

"ผมคาดว่าถ้าไม่มีปัจจัยลบ ธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 นักท่องเที่ยวต่างชาติโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะจากเอเชียที่กินส่วนแบ่งมากขึ้น ทำให้ภาพรวมธุรกิจโรงแรมไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินบาทแข็งค่ามากนัก ทั้งนี้ มองว่าสิ่งที่ภาครัฐควรเร่งแก้ให้เร็วที่สุดมีอยู่ 4 เรื่องหลัก คือ ปัญหาความแออัดในสนามบินหลัก ความปลอดภัย มลพิษ และความสะอาด"

ด้านนายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด และผู้บริหารเครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ฯ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจโรงแรมยังเป็นตลาดที่โตต่อเนื่อง อย่างธุรกิจของบริษัทก็มุ่งไปเปิดโรงแรมในทุกระดับ รองรับทุกตลาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook