มือใหม่หัดเล่นหุ้นต้องรู้ กับ 3 เคล็ดลับสร้างพอร์ต ถอดรหัสเซียนหุ้น
เชื่อว่านักลงทุนมือใหม่หลายคนที่กำลังจะเล่นหุ้น คงมองหาหุ้นที่เหล่าคนดังถือหรือศึกษาหารายละเอียดต่างๆ เพื่อที่จะลงทุนทำกำไรให้ได้มากที่สุด แต่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีหลายปัจจัยที่จะชี้จะกระทบกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทำให้ราคาพร้อมที่จะผันผวนได้ตลอดเวลา บางบริษัทฯ ก็มีพื้นฐานที่แข็งแรงสามารถฝ่าความผันผวนได้อย่างสบายเลยทีเดียว ในขณะที่บางบริษัทอ่อนไหวมากแค่ลมพัดทีก็ล้มตึ่งแล้ว!
เรียกได้ว่านักลงทุนมือใหม่ถ้าอยากประสบความสำเร็จด้านการลงทุนคงต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าเรามีเคล็ดลับดีๆ เด็ดๆ ก็จะช่วยผ่อนแรงไปได้มากเลยทีเดียว โดยข้อมูลจาก setinvestnow ได้เปิดเผยถึง 3 เคล็ดลับสร้างพอร์ต ถอดรหัสเซียนหุ้น ที่จะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ได้เรียนรู้จุดเด่น และจุดผิดตลาดจากประสบการณ์กว่า 10 ปี ของนักลงทุนมือเก๋า และสามารถนำมาปรับใช้ในการลงทุนฉบับมือใหม่ในไม่กี่นาที ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน!
หากเราลองถอดรหัสดูก็จะพบ 3 วิธีเล่นหุ้น ที่เหล่าเซียนลงทุนมักจะมีเหมือนกัน ก็คือ
1. ค้นหาสไตล์ลงทุนที่เหมาะกับเรา
สไตล์การลงทุนของแต่ละบุคคลนั้นต่างกัน เพราะอุปนิสัยและการใช้ชีวิตของทุกคนไม่เหมือนกัน ความเชี่ยวชาญก็ไม่เท่ากัน ดังนั้น การค้นหารูปแบบการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นักลงทุนชื่อดังหลายคนต่างค้นพบสไตล์การลงทุนที่เข้ากับตัวเอง
อย่างคุณปู่วอเร็น บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์การลงทุนแห่งยุคสมัย ต้นแบบการลงทุนตามแนวคิด “การลงทุนเน้นคุณค่า” (Value Investing) จนประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน พบว่าการปรับการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองจะทำให้เราไม่เบื่อและมีโฟกัสที่ชัดเจนมากขึ้น สร้างความหลงไหลในการลงทุนได้ง่าย ทำให้เราไม่รู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่ชื่นชอบและทำได้นาน อีกทั้งการมีโฟกัสที่ชัดเจน จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้ด้วย
2. ซื้อหุ้นที่ใช่ ในจังหวะที่เหมาะ
แค่รู้สไตล์การลงทุนที่เหมาะสมแบบรู้ลึกรู้จริงแล้ว ก็ยังไม่พอ เรายังต้องรอจังหวะที่เหมาะสมด้วย เพราะแม้ว่าเราจะเรียนรู้วิธีการลงทุนจากอาจารย์ที่เก่งเพียงใด แต่หากมองสถานการณ์การลงทุนไม่ออกก็ไม่มีประโยชน์ ยกตัวอย่างการลงทุนแบบนักลงทุนที่เน้นคุณค่า ทั้งวอเร็น บัฟเฟตต์ หรือแม้แต่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็เลือกที่จะรอคอยจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
ดร.นิเวศ เริ่มลงทุนด้วยเงินทุน 10 ล้านบาท ในช่วงปี 2540 โดยเห็นโอกาสที่หุ้นบางตัวมีราคาลดลงมาเยอะมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเพราะกำไรและเงินปันผลไม่ได้ลดลง ดร.นิเวศน์ จึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อหุ้นในขณะนั้น ดังนี้
การเลือกหุ้นแบบนี้ ทำให้ได้หุ้นที่มีความเสี่ยงเฉพาะตัวลดลงมาก
และเมื่อรวมกันเป็นพอร์ตลงทุน ความเสี่ยงของพอร์ตก็ต่ำ เงินปันผลที่ได้รับก็สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ถ้ายังไม่ขายหุ้นออกไป แม้ไม่ทำงานประจำก็น่าจะพออยู่ได้จากรายได้เงินปันผล และเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดี หุ้นเหล่านี้ก็น่าจะมีราคาสูงขึ้นในภายหลัง
หรือหากเป็นนักลงทุนแนวเทคนิค ก็จะสนใจพฤติกรรมราคาของหุ้น โดยเฉพาะกราฟราคาหุ้น (Chart) โดยจะอาศัยข้อมูลราคาหุ้นในอดีต ปริมาณการซื้อขาย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและอินดิเคเตอร์ (Indicator) ต่างๆ ในการทำนายทิศทางราคาหุ้น โดยต้องประเมินสถานการณ์และเลือกรูปแบบการซื้อขาย ที่เหมาะสม ในแต่ละช่วงของภาวะตลาด เพื่อกำหนดจุดเข้าซื้อและจุดขายออกอย่างมีวินัย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนที่ดีได้
3. ทบทวนแผนลงทุนสม่ำเสมอ
เมื่อตั้งต้นด้วยแผนการลงทุนที่ดีแล้ว แต่เราก็จะปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้ ต้องหมั่น “ทบทวนแผนการลงทุน” อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เราเคยใช้ในอดีต อาจใช้ไม่ได้ในภาวะปัจจุบัน
แต่ไม่ว่าผลตอบแทนพอร์ตลงทุนของเราจะเป็นบวกหรือลบ ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่า ตัวเองไม่เก่ง หรือตัดสินใจเลือกหลักทรัพย์ผิดพลาดไป เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องดูอีกด้วย วิธีการหนึ่งที่จะทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า... คุณมีฝีมือ พอใช้ได้หรือไม่นั้น ต้องเปรียบเทียบกับ “เกณฑ์มาตรฐาน” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “Benchmark” นั่นเอง
ดังนั้น การพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบก่อนลงทุนและทบทวนแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนและช่วยลดความวิตกกังวลในการลงทุนลงได้ ทีนี้ก็เหลือแค่... เราต้องหมั่นค้นหาบริษัทหรือการลงทุนใหม่ๆ ด้วย เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้นตลอดเวลา