Love Milk แฟรนไชส์ไอเดียเจ๋ง ความเสี่ยงน้อยกำไรกว่า 50%

Love Milk แฟรนไชส์ไอเดียเจ๋ง ความเสี่ยงน้อยกำไรกว่า 50%

Love Milk แฟรนไชส์ไอเดียเจ๋ง ความเสี่ยงน้อยกำไรกว่า 50%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การมีร้าน นมสด & ขนมปัง เป็นของตัวเอง ถือเป็นความฝันของใครหลายคน เพราะมองเห็นโอกาสของการเติบโต เนื่องจากนมสดและขนมปังไม่ใช่เรื่องของเด็ก หรือวัยรุ่นเท่านั้น

แต่ผู้ใหญ่ทั้งหนุ่มสาวออฟฟิศ ไปจนถึงครอบครัว ก็ล้วนแต่ชื่นชอบเมนูนี้ด้วยกันทั้งนั้น ทว่าแม้ นมสด และขนมปัง จะมีฐานลูกค้าอยู่มาก แต่หากลงทุนโดยขาดความรู้ความเข้าใจในธุรกิจอย่างแท้จริง โอกาสที่จะล้มเหลวก่อนประสบความสำเร็จย่อมจะมีมากกว่า

ทั้งนี้เพราะการทำเครื่องดื่ม หรือเมนูใดๆ ก็ตามล้วนแต่มีเคล็ดลับความอร่อย ที่ต้องค่อยเรียนรู้สั่งสมกันมายาวนานพอสมควร และที่สำคัญวันนี้ผู้บริโภคให้ความใส่ใจกับเรื่องของอาหารการกินมากขึ้น ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง และเป็นการย่นระยะทางความสำเร็จ การเลือกลงทุนโดยร่วมกับแบรนด์ดังที่เชี่ยวชาญในธุรกิจอยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นการทยอยความเสี่ยง และสร้างความสำเร็จฐานะทางการเงินได้ภายในเวลารวดเร็ว

โดยหนึ่งในแบรนด์ที่ทำธุรกิจนมสดและขนมปัง ที่มีชื่อชั้นอยู่แถวหน้าของไทยในขณะนี้คงต้องยกให้กับ "Love Milk" สิ่งสำคัญที่ทำให้ Love Milk ประสบความสำเร็จ และขยายแฟรนไชส์ได้มากกว่า 140 แห่ง ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี

ไม่ใช่เพียงเพราะแค่มีรสชาติที่ดี ถูกปากคนไทยเท่านั้น แต่วิธีการทำตลาดที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการทำร้านในรูปแบบรถตู้โฟล์คสีชมพูสดใส จึงทำให้ทุกสาขาของ Love Milk เต็มไปด้วยลูกค้าที่นั่งดื่มนมสด ชิมขนมปัง พร้อมกับนั่งชิลรับลมธรรมชาติได้อย่างสบายใจ เป็นความรู้สึกผ่อนคลายที่ต่างไปจากการนั่งในร้านสี่เหลี่ยมแคบๆ อย่างที่เป็นมา

ทั้งนี้คุณปรีชา มอญปาน หรือคุณนุ เจ้าของแบรนด์ Love Milk ฉายภาพที่มาของแฟรนไชส์ชื่อดังนี้ว่า ก่อนหน้าทำธุรกิจนี้ เป็นนักดนตรี ซึ่งเรื่องของดนตรีกับเครื่องดื่มเป็นของคู่กันอยู่แล้ว จึงเกิดแนวคิดในการเปิดร้านนมสด ขนมปังขึ้นมา

โดยตอนแรกเพียงตั้งใจให้มีพื้นที่เล็กให้คนได้เข้ามานั่งดื่มนม พร้อมกับนั่งฟังเพลงไปด้วย ประกอบกับโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบรถตู้โฟล์ค จึงลองนำรถมาทำจุดขายในการเปิดร้านนมสด และขนมปัง Love Milk จนถึงวันนี้ก็กลายเป็นรถตู้โฟล์คสีชมพูก็กลายเป็นจุดขายสำคัญ ที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ Love Milk ได้อย่างขึ้นใจ แต่ก่อนที่จะ Love Milk จะติดตลาดลมบนเหมือนเช่นทุกวันนี้นั้น

 



คุณนุเปิดใจว่า หลายคนที่คิดว่าการทำธุรกิจนมสด ขนมปัง เป็นเรื่องที่ง่ายนั้นคิดผิด เพราะกว่าที่จะตัดสินใจทำแฟรนไชส์ Love Milk อย่างจริงจัง ก็ใช้เวลาอยู่นานถึง 2 ปี โดยเราค่อยๆ พัฒนาสูตรทั้งนมสด และขนมปังปิ้งมาโดยตลอด จนเป็นที่ถูกใจลูกค้า

ฉะนั้นหากคุณคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจเปิดร้านนมสด และขนมปังขึ้นมาเอง ก็ต้องเข้าใจว่าต้องใช้เวลานาน และหากเริ่มต้นไม่ดี ไม่ได้มาตรฐานลูกค้าก็จะไม่เดินเข้าร้านคุณเป็นครั้งที่สอง ธุรกิจก็ต้องปิดตัวไป ซึ่งสำหรับแบรนด์ Love Milk ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราใช้เวลาถึง 2 ปี ในการสร้างขึ้นมาจนทุกคนให้การยอมรับ

และนี่คือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมาเป็นแฟรนไชส์ซี่กับทาง Love Milk เพราะแบรนด์เราได้รับการยอมรับ โอกาสประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจจึงมีสูง

โดยคุณนุย้ำว่า จุดเด่นที่ทำให้ Love Milk แตกต่างไปจากร้านนมทั่วๆไป คือเรื่องของรสชาติที่อร่อย หอม โดยมีสูตรเมนูนมสดแบบเฉพาะ และตัวขนมปังที่นุ่ม ประกอบกับสังขยา และชอกโกแลต สูตรพิเศษ แถมบรรยากาศของร้านยังคลาสสิก และมีตู้โฟล์คสีชมพูที่สะดุดตาดึงดูดลูกค้าทั้งเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงครอบครัวเลยทีเดียว

 

สำหรับผู้ที่สนใจแฟรนไชส์ Love Milk นั้น ก็มีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของนักลงทุนแต่ละราย

1. เงินลงทุน 55,000 บาท รูปแบบร้านเป็นเคาน์เตอร์เล็ก 1.3 x 1.5 ม. พร้อมอุปกรณ์
2. เงินลงทุน 75,000 บาท รูปแบบร้านเป็นเคาน์เตอร์กลาง 1.5 x 1.5 ม. พร้อมอุปกรณ์ + โต๊ะ
3. เงินลงทุน 120,000 บาท รูปแบบร้านเป็นเคาน์เตอร์กลาง 2 x 2.5 ม. พร้อมอุปกรณ์ + โต๊ะ
4. เงินลงทุน 200,000 บาท รูปแบบร้านเป็นรถโฟล์คขับไม่ได้ พร้อมอุปกรณ์ + โต๊ะ
5. เงินลงทุน 300,000 บาท รูปแบบร้านเป็นรถโฟล์คขับได้ พร้อมอุปกรณ์ + โต๊ะ


ทั้งนี้ทุกรูปแบบแฟรนไชส์ซี่จะได้รับอุปกรณ์ ป้ายต่างๆ สูตรทำเครื่องดื่ม และวัตถุดิบกว่า 40 รายการ โดยคุณนุ กล่าวว่าทาง Love Milk เปิดกว้างให้อิสระแก่แฟรนไชส์ซี่ในการซื้อวัตถุดิบ ยกเว้น 3 ตัวหลักที่ต้องซื้อกับทาง Love Milk เท่านั้น เพราะเป็นสูตรเฉพาะนั่นคือ ขนมปัง สังขยา และชอกโกแลต ส่วนนมสดนั้นแฟรนไชส์ซี่สามารถซื้อได้ในพื้นที่ที่ตนเองสะดวก แต่กระบวนการผสมเครื่องดื่มสูตรต่างๆ ต้องทำตามสูตรของทางบริษัท เพราะนี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดใจ และชื่นชอบ


ในแง่ของการคืนทุนนั้น คุณนุ เปิดว่าเมื่อหักลบต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ แล้ว แฟรนไชส์ซี่จะได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 70% ดังนั้นหากตั้งขายอยู่ในทำเลดีๆ มีคนมากมาย มีที่จอดรถ โอกาสที่จะคืนทุนเร็วภายใน 1 เดือนก็สามารถเป็นไปได้ และที่ผ่านมาจากการพูดคุยกับแฟรนไชส์ซี่ก็พบว่าส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือนก็คืนทุนแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook