แพทย์ไต้หวันแชร์ประสบการณ์รับมือโควิด สู่ 6 ประเทศอาเซียนด้วยนวัตกรรม-โซลูชั่นอัจฉริยะ

แพทย์ไต้หวันแชร์ประสบการณ์รับมือโควิด สู่ 6 ประเทศอาเซียนด้วยนวัตกรรม-โซลูชั่นอัจฉริยะ

แพทย์ไต้หวันแชร์ประสบการณ์รับมือโควิด สู่ 6 ประเทศอาเซียนด้วยนวัตกรรม-โซลูชั่นอัจฉริยะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางเกาเสี่ยวหลิง ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์นานาชาติโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้การบริการสาธารณสุขทั่วโลกเข้าสู่ยุคสมัยใหม่เร็วยิ่งขึ้น ไต้หวันถือเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านการแพทย์อัจฉริยะและมีสินค้าป้องกันโรคคุณภาพดีมากมาย ซึ่งได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ที่สามารถลดการสัมผัสระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถให้การรักษาได้ในความเสี่ยงที่ต่ำลง เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ทางการแพทย์และเพื่อดำเนินการตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนจึงได้ร่วมมือกับสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน (TAITRA) และศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโลหะไต้หวัน (MIRDC) จัดงาน “สัมมนาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ประจำปี 2564 : การป้องกันโควิด-19ด้วยเทคโนโลยีและสมาร์ทเฮลธ์แคร์” โดยในงานแบ่งเป็น 2 หัวข้อ ได้แก่ “การดูแลสุขภาพด้วยนวัตกรรมและโซลูชั่นอัจฉริยะ” และ “การดูแลสุขภาพแบบ New Normal ในยุคโควิด-19” ในวันที่ 2-3 ก.ย. 64 ส่งเสริมสินค้าทางการแพทย์ของไต้หวันตีตลาดอาเซียนอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับการแพทย์อัจฉริยะของไต้หวันและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีป้องกันโรคในประเทศอาเซียน

1

งานสัมมนาออนไลน์ทั้ง 2 วัน มีคนเข้าร่วมฟังรวมกว่า 500 คน โดยเป็นบุคลากรทางการแพทย์จากนานาประเทศ อาทิ ประเทศไทย ประเทศพม่า ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศปาปัวนิวกินี ประเทศมาเลเซีย ฯลฯ ภายในวันงานยังได้จัดไลฟ์สดบนช่องทางยูทูปด้วย ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างคึกคัก ทั้งผู้เข้าร่วมจากประเทศไทยและประเทศพม่าที่ได้แชร์ประสบการณ์วิกฤตโควิด-19ในประเทศของตัวเอง อีกทั้ง ยังได้แสดงความสนใจต่อสินค้าของไต้หวันและสนใจที่จะร่วมมือกันในอนาคต

pic2

“ในการบรรยายของงานสัมมนาทั้ง 2 หัวข้อ ได้รับเกียรติจากตัวแทน 8 บริษัทด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นนำของไต้หวันมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การรับมือโควิด-19 ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมากในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นดิจิทัลและเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า สามารถพูดได้ว่าจุดเด่นที่สุดของสินค้าทางการแพทย์อัจฉริยะและป้องกันโรคของไต้หวัน คือ ความแปลกใหม่ ใช้ได้จริง และมีความยืดหยุ่น สินค้าเหล่านี้ไม่เพียงใช้งานได้ดีในช่วงโรคระบาด แต่หลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้วก็ยังสามารถใช้งานต่อได้ สินค้าเหล่านี้ไม่เพียงใช้ได้ในไต้หวัน แต่สามารถปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ตามความต้องการของโรงพยาบาลในต่างประเทศได้ ทั้งหมดนี้จะทำให้ประชาชนสามารถรับบริการทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้” นางเกาเสี่ยวหลิง ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์นานาชาติโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนกล่าว

นอกจากนี้ นางเกาเสี่ยวหลิงยังกล่าวอีกว่า “โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการไต้หวัน กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน (TAITRA) และศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโลหะไต้หวัน (MIRDC) ต่อไป รวมพลังทั้งภาครัฐและเอกชน ยกระดับชื่อเสียงของไต้หวันในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางค้าให้มากยิ่งขึ้น”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook