รวมแนวป้องกันมิจฉาชีพแฮกเงินจากบัญชีธนาคาร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะแนวทางป้องกันมิจฉาชีพแฮกเงินจากบัญชีธนาคารประชาชน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง โฆษก ตร.) เตือนภัยกรณีมีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์มีผู้เสียหายถูกหักเงินจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเดบิต จำนวนหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ซึ่งสื่อสังคมออนไลน์ได้นำประเด็นดังกล่าวไปโพสต์ ว่ามีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต โดยมิจฉาชีพจะทำการหักเงินออกจากบัตรเดบิตผ่านเครื่อง EDC หรือเครื่องรูดบัตร แต่ไม่มี SMS แจ้งเตือนไปยังเจ้าของบัตร มีการถอนเงินออกจำนวนหลายครั้งแต่ละครั้งจะถอนเงินจำนวนไม่มาก
จึงขอแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตรและปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวน พิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมขอแนะนำแนวทางการป้องกันกรณีที่คนร้ายได้ข้อมูลที่อยู่ด้านหน้าบัตรและตัวเลขรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร คนร้ายจึงสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ที่มีมูลค่าไม่สูงได้ โดยไม่ต้องใช้ OTP
1. ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร
2. ควรนำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร หรือจดรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์
3. ระวังการหลอกลวงให้กรอกข้อมูลบัตรเพื่อจ่ายเงินค่าภาษีของเว็บไปรษณีย์ไทยปลอม ซึ่งคนร้ายจะทำหน้าเว็บไซต์มีโลโก้ไปรษณีย์ไทยเหมือนของจริง
4. ควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่มีการส่งมาทางอีเมล SMS หรือ สื่อสังคมออนไลน์
5. หากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ขอให้พิมพ์ชื่อเว็บด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันเข้าไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีความแนบเนียนมาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อการหลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลพร้อมกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปรามภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมขยายผลถึงเครือข่ายของผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง เห็นผลเป็นรูปธรรม
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่าสำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทราบว่าทางสมาคมธนาคารไทยกำลังประสานงานกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว ยังเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ประชาชนที่พบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง