ธปท.-สมาคมแบงก์ไทย พบตัดเงินจากบัตรผิดปกติ 10,700 ใบ มูลค่าความเสียหาย 130 ล้านบาท

ธปท.-สมาคมแบงก์ไทย พบสาเหตุตัดเงินจากบัตรผิดปกติกว่า 10,700 ใบ มูลค่าความเสียหาย 130 ล้านบาท เร่งยกระดับคุมเข้ม จ่อหารือกับ Visa Mastercard ให้ใช้การยืนยันตัวตน OTP เพิ่มกับบัตรเดบิต

จากกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายแห่แชร์ประสบการณ์ถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารด้วยการดึงเงินจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิตออกไปผ่านการชำระเงินด้วยเครื่อง EDC โดยไม่มี SMS หรือการแจ้งเตือนการถอนเงินในแต่ละครั้ง ล่าสุด น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีตัดเงินจากบัตรเดบิต-เครดิตที่ผิดปกติ โดย Sanook Money จะขอสรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

• เมื่อวันที่ 1-17 ต.ค. ที่ผ่านมา พบการตัดเงินจากบัตรเดบิตมากกว่าบัตรเครดิตผิดปกติ และเป็นธุรกรรมที่ไม่ต้องใช้รหัสยืนยันตัวตน (OTP) วงเงินรายการขนาดเล็ก
• ตรวจสอบพบจำนวนบัตรที่มีรายการผิดปกติทั้งสิ้น 10,700 ใบ เป็นบัตรเครดิต 5,900 ใบ มูลค่า 100 ล้านบาท และบัตรเดบิต 4,800 ใบ มูลค่า 31 ล้านบาท โดย 80%-90% เกิดจากการซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ในต่างประเทศ
• ในช่วงวันที่ 14-17 ต.ค. 64 พบจำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นผิดปกติเมื่อเทียบกับการเพิ่มของบัตรเครดิต
• ลักษณะการกระทำของมิจฉาชีพดังกล่าวจะใช้ Bot เข้ามาสุ่มหมายเลขหน้าบัตร 12 หลัก โดยใช้ตัวเลข 6 หลักแรกเป็นการระบุถึงธนาคารผู้ออกบัตร (Bill Number) จากนั้นจะ AI สุ่ม Run ชุดตัวเลข 6 หลักหลังไปเรื่อยๆ
• หาก Bot เจอหมายเลขบัตร 12 หลักตรงกัน จะทดสอบยิงด้วยการทำธุรกรรมในวงเงิน 1 ดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นการยิงเพื่อรูดซื้อสินค้าในลักษณะที่ไม่ต้องใช้รหัสยืนยัน OTP
• ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่การรั่วไหลจากข้อมูลธนาคาร เพราะปกติระบบจะมีการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งแต่ละธนาคาจะกำหนดเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะของประเภทสินค้าและร้านค้าที่แตกต่างกัน

• สำหรับผู้ใช้บัตรเดบิตที่ได้รับความเสียหายจะได้รับเงินคืนภายใน 5 วันทำการ ส่วนบัตรเครดิต ธนาคาจะยกเลิกรายการดังกล่าว เท่ากับว่าเจ้าของบัตรไม่ต้องจ่ายเงินตามยอดที่เรียกเก็บและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
• ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย จะยกระดับมาตรการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติให้ครอบคุลมทั้งจำนวนวงเงินต่ำ และที่มีความถี่สูง หากพบมีความผิดปกติจะระวังการใช้บัตรทันที พร้อมแจ้งเตือนเจ้าของบัตรฯ ทุกช่องทาง และเฝ้าติดตามธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
• เพิ่มการแจ้งเตือนในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบ Mobile Banking, Email หรือ SMS
• ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย จะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์