"ลูกไม้ใต้ต้น" รอวันเติบใหญ่ ทายาทเจ้าพ่อชาเขียว วริษา ภาสกรนที

"ลูกไม้ใต้ต้น" รอวันเติบใหญ่ ทายาทเจ้าพ่อชาเขียว วริษา ภาสกรนที

"ลูกไม้ใต้ต้น" รอวันเติบใหญ่ ทายาทเจ้าพ่อชาเขียว วริษา ภาสกรนที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาณาจักรเล็ก ๆ ที่เริ่มไม่เล็กอีกต่อไปของ "วริษา ภาสกรนที" ทายาทคนโตของเจ้าพ่อชาเขียว "ตัน ภาสกรนที" กับร้านส้มตำไฮโซ "แซ่บ อีลี่" ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอได้ผ่านความล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงทำให้เธอเลือกที่จะก้าวต่อไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น

จากเด็กสาวที่เรียนจบมาทางด้านการออกแบบละครเวที มหาวิทยาลัยเซนต์ มาร์ติน ประเทศอังกฤษ แม้ในช่วงแรกการมาทำธุรกิจร้านอาหารจะไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอ ทว่าโอกาสกลับถูกหยิบยื่นมาให้ผ่านทางคุณพ่อ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการธุรกิจและขวัญใจของคนรุ่นใหม่

เธอจึงไม่รีรอที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ กับเงินทุนเริ่มต้น 20 ล้านบาท ที่คุณพ่อให้ไว้เสมือนเป็น "มรดก" ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ แตกต่างจากพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่มักให้มรดกต่อเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว

หลายปีก่อน "วริษา" หรือ "กิ๊ฟ" เริ่มต้นเส้นทางเจ้าของกิจการพร้อมกับความเชื่อว่า การทำธุรกิจร้านอาหารคงไม่ยากมากนัก จากเห็นความสำเร็จที่เธอเห็นจากคุณพ่อมาโดยตลอด หารู้ไม่ว่าในเวลาเพียง

1 ปี เธอต้องสูญเสียเงิน 10 ล้านบาทแรกไปกับร้านอาหารอิตาเลียน "อีซีลี่" ที่ประสบปัญหาและต้องปิดตัวไปในที่สุด

ในวัย 24 ปีขณะนั้น เธอตัดสินใจปิดร้านก่อนที่จะ "เข้าเนื้อ" ไปมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมา "วริษา" บอกว่ามันคือประสบการณ์ที่ทำให้เธอได้เข้าใจธุรกิจมากขึ้น

หลายคนมักคิดว่า การที่เธอเป็นทายาทของ "เจ้าพ่อการตลาด" อย่างเสี่ยตันนั้น คงทำให้เส้นทางธุรกิจของเธอโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เอาเข้าจริง ๆ เธอเผยว่าทุก

วันนี้เคล็ดลับที่คุณพ่อใช้ในการสอนไม่มีอะไรมากกว่า "การเรียนรู้ด้วยตนเอง"

"วันที่บอกพ่อว่ามันไม่เวิร์ก พ่อหัวเราะและบอกว่าดีแล้ว เพราะถ้าไม่เจ็บก่อนเราก็จะไม่จำ และถ้าเขาคอยบอกอยู่ตลอด เราก็จะไม่เข้าใจอย่างแท้จริง"

ด้วยเงินลงทุนที่เหลือในมืออีก 10 ล้านบาท เธอตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมกับลงมือลงแรงใหม่อีกครั้งกับร้านส้มตำ "แซ่บ อีลี่"

ซึ่งมองว่ายังเป็นช่องว่างตลาดที่ขณะนั้นยังไม่มีส้มตำที่มี "แบรนด์" ขึ้นห้าง หรือเจาะไปตามตึกออฟฟิศต่าง ๆ ที่เจาะกลุ่มคนเมืองที่แสวงหาความแปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตำข้าวโพดไข่เค็มทุเรียนกรอบ ต้มแซ่บหมูเด้งรวมคอลลาเจน หรือตำส้มโอน้ำปู๋

วันนี้ผ่านมา 3 ปี เธอสามารถใช้เงิน 10 ล้านบาทที่เหลือขยายกิจการร้านส้มตำจนปัจจุบันมีครบ 3 สาขา และมีแผนที่จะเปิดไปยังจุดต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

"วริษา" เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วเธอเริ่มทดลองเปิดสาขาแรกในพื้นที่ใจกลางทองหล่อ ใน "อารีน่า 10" ที่ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองแถบนั้นจะคุ้นเคยอยู่กับอาหารญี่ปุ่นหรืออิตาเลียนมากกว่า

แต่แซ่บ อีลี่ ก็สามารถเข้าไปนั่งในใจลูกค้าแถบนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ที่สาขาแรกนี้เองที่เธออาศัยเป็นที่ "ฝึกวิชา" มุ่งมั่นเรียนรู้ ทั้งการคิดค้นเมนู ทำการตลาด สร้างแบรนด์ การเลือกโลเกชั่น หรือการตั้งราคาที่โดนใจ

"จริง ๆ ไม่มีสูตรสำเร็จจากคุณพ่อนะ กิ๊ฟจะอาศัยวิธีหลอกถามในจังหวะที่คุณพ่อพาสุนัขไปวิ่งตอนเย็น หลังเลิกงานเราก็จะรีบกลับบ้านไปวิ่งเป็นเพื่อนคุณพ่อ ก็จะใช้เวลาช่วงนี้แหละในการถามกลยุทธ์ต่าง ๆ"

เอาเข้าจริงสิ่งที่เธอได้จากผู้เป็นพ่อทุกวันนี้กลับไม่ใช่เรื่องของกลยุทธ์ แต่เป็น "หัวใจ" ในการทำธุรกิจที่มักจะย้ำให้เธอมี "ความอดทน" ไม่ว่าจะต้องเจอกับปัญหาอะไร และต้องมี "ความรัก" ที่จะทำ ถ้าทำอะไรด้วยความรักแล้ว ผลที่ออกมาก็จะดีเอง

เวลา 3 ปีที่ "วริษา" ลงมือลงแรงให้กับธุรกิจนี้ หากเปรียบกับต้นไม้ เธอบอกว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ต้นไม้นี้จะ "ออกดอก" มาให้ชื่นใจ ทั้งประสบกาณ์ การได้ทำงานกับทีมที่รู้ใจ เป็นสิ่งที่มีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า "ผลกำไร" ที่เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น

ในอนาคต "วริษา" อยากที่จะเข้าไปช่วยดูโปรเจ็กต์ของคุณพ่อ ทั้งธุรกิจโรงแรม คอนโดฯและคอมมิวนิตี้มอลล์ ทำให้วันนี้เธอต้องรีบเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากงานที่เธอทำให้เต็มที่ ก่อนที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต

สำหรับตัน ภาสกรนที วันนี้เธอคือ "ลูกไม้ใต้ต้น" ที่เริ่มผลิดอกออกผล เตรียมตัวไปสู่การเป็นต้นไม้ใหญ่ในอนาคต


Villa Maroc รีสอร์ทหรู 500 ล้านของ "ตัน ภาสกรนที"
วิธีทำธุรกิจแบบ "ตัน ภาสกรนที"

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ "ลูกไม้ใต้ต้น" รอวันเติบใหญ่ ทายาทเจ้าพ่อชาเขียว วริษา ภาสกรนที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook