"ณธนพร เอื้อวันทนาคูณ"กับสูตรสำเร็จ "เอพริล เบเกอรี่"
"เปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ สักร้านหนึ่ง" เป็นความฝันของใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการ สำหรับคุณณธนพร เอื้อวันทนาคูณ หรือคุณอร เองก็เป็นหนึ่งในผู้มีความฝันอยากมีร้านเบเกอรี่เล็กๆ เป็นของตัวเอง
แต่วันนี้ดูเหมือนสิ่งที่เธอเคยฝันนั้นจะก้าวไปไกลกว่าความฝันแล้ว เพราะเธอเป็นเจ้าของ เอพริล เบเกอรี่ (April's Bakery) ร้านขายพายแบบฮ่องกง ที่มีสาขามากถึง 17 สาขา ในห้างสรรพสินค้า
ทีมข่าวเอสเอ็มอี สยามธุรกิจ ได้นัดแนะกับคุณอร ที่คอนโดแห่งหนึ่งบนถนนพระราม 4 เพื่อพูดคุยถึงสาเหตุที่ประสบความสำเร็จรวมถึงที่มาที่ไปของการคิดที่จะทำพายแบบฮ่องกงวางขาย เมื่อถึงเวลานัดหมายการสนทนาจึงเริ่มขึ้นจากที่มาที่ไปของการเริ่มต้นทำธุรกิจพายแบบฮ่องกง
"ตอนเรียนจบ อรก็ไปทำงานเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินไต้หวัน ทำได้ 2 ปี ก็รู้สึกว่ามันตันแล้ว ต่อให้พยายามทำงานให้ดีอย่างไร รายได้ก็ไม่เพิ่มแล้วนอกจากเราจะเพิ่มรอบการทำงานมากขึ้น ก็เลยคิดว่าจะทำอะไรต่อดี
ตัวเองเป็นคนชอบทานพายหมูแดงฮ่องกง แล้วเวลาไปก็จะมีคนฝากซื้อกลับมาทุกที ก็เลยคิดว่าลองทำอันนี้ขายดูแล้วกัน ก็เริ่มจากลองผสมสูตรแป้งเอง รวมถึงไส้หมูแดงด้วย ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 3-4 เดือน
จนได้พายหมูแดงที่อร่อยในความรู้สึกของเรา ก็ลองให้คนรู้จักได้ทานกันก่อน ปรับสูตรนิดหน่อย จนได้รสชาติที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ก็ลองขายดู ก็ขายได้ ก็ติดต่อกับห้างเซ็นทรัลพระราม 3 แล้วก็ได้พื้นที่สำหรับขาย เริ่มขายวันแรกคือ วันที่ 9 กันยายน 2554"
"กลุ่มเป้าหมายของอรคือกลุ่มคนที่ชอบทานขนมอร่อย และเลือกทานขนมที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ พายที่อรทำขายทุกชิ้นจะทำสดใหม่ทุกวันเป็นแบบทำขายวันต่อวัน ไม่ใช้นมเนย และวัตถุกันเสีย ผู้ที่แพ้นมเนย จึงสามารถที่จะทานพายของเราได้เช่นกัน
ปัจจุบันมีทั้งหมด 13 ไส้ ได้แก่ พายหมูแดง พายไก่อบน้ำผึ้ง พายไก่กะหรี่ พายทูน่า พายเผือกแปะก๊วย พายมะพร้าว พายงาดำ พายถั่วเหลือง พายถั่วแดง พายชาเขียว พายกล้วย พายคัสตาร์ด และพายสับปะรด แต่ที่ขายดีที่สุดของร้าน คงไม่พ้น พายหมูแดง อย่างแน่นอน เพราะว่าพายหมูแดงนี่เป็นพายรสชาติแรกที่ทำขายเลย"
ถึงตรงนี้ทีมข่าวเอสเอ็มอีถามว่าทำอย่างไรในระยะเวลาเพียงเกือบ 3 ปี มีสาขามากถึง 17 สาขา คำตอบที่ได้รับมานั้น มีความน่าสนใจไม่น้อย
"ถ้าถามว่าประสบความสำเร็จไหม ก็ถือว่าสำเร็จในระดับหนึ่งค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ทำพิซซ่าโรลขายมาก่อน (พิซซ่าม้วน แบบถือทานได้) ก็ไม่สำเร็จนะคะ คือขายได้อาทิตย์แรกอาทิตย์เดียว หลังจากนั้นนิ่งเลยยอดไม่เดินเลย ก็ลองหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ก็พบว่าพิซซ่าไม่สามารถทานได้ทุกวัน เนื่องจากทานแล้วเลี่ยน ตอนนั้นลงทุนตู้โชว์ไปแล้ว 6-7 หมื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นที่หันมาทำพายแทน เพราะพายทานได้ทุกวันไม่เลี่ยน แล้วก็สามารถขายได้จริงๆ"
"ที่เห็นมี 17 สาขานี่ไม่ใช่ว่าเป็นของอรทั้ง 17 สาขานะ เป็นของอรเอง 10 สาขา ส่วนอีก 7 สาขา เป็นของคนที่เขาเคยทาน แล้วเขามาขอซื้อแฟรนไชส์ไป ซึ่งอรก็ขายให้ สาขาละ 300,000 บาท ไม่รวมค่าตู้โชว์ขนมนะ ค่าตู้โชว์ก็แล้วแต่ว่าเขาได้พื้นที่แค่ไหน เขาควรเลือกเองเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ที่เขาได้
เราทำหน้าที่เพียงแค่ดูว่าบริเวณใกล้เคียงกันมี เอพริล เบเกอรี่วางขายหรือยัง อย่างแถวๆ บางแคมีคนซื้อเฟรนไชส์ไปเปิดที่เดอะมอลล์บางแคแล้วเขาขายดีมากๆ คนอื่นมาขอซื้อแฟรนไชส์เพื่อไปขายในห้างอื่นในพื้นที่บางแคเหมือนกัน เราก็ไม่ขายให้ เราอยากให้คนซื้อแฟรนไชส์เราขายได้ และเขาคือผู้ที่เลือกเอพริลเบเกอรี่ไปเปิดตลาดในพื้นที่จนขายได้ เขาก็ควรจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ขายในพื้นที่แถวนั้น"
สุดท้ายก่อนจากกัน เราถามถึงก้าวต่อไปของเอพริล เบเกอรี่ ว่าจะไปในทิศทางใด คุณอรกล่าวว่า "เป้าหมายตอนนี้คือพายทุกชิ้นจะต้องได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย แม้เราจะไม่ได้เข้าไปทำเอง แล้วก็จะพยายามเพิ่มขนมอย่างอื่นเข้าไปอีก เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกทานขนมของเราได้มากขึ้น อย่างตอนนี้เรามีขนมเค้กแบบที่ทำตามสั่ง ซึ่งลูกค้าต้องสั่งก่อนถึงจะทำค่ะ"