วาเลนไทน์ 2565 ส่องผู้เล่นธุรกิจถุงยางอนามัย เจ้าไหนใหญ่สุดในตลาดพันล้านบาท

วาเลนไทน์ 2565 ส่องผู้เล่นธุรกิจถุงยางอนามัย เจ้าไหนใหญ่สุดในตลาดพันล้านบาท

วาเลนไทน์ 2565 ส่องผู้เล่นธุรกิจถุงยางอนามัย เจ้าไหนใหญ่สุดในตลาดพันล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วาเลนไทน์ 2565 ส่องผู้เล่นธุรกิจถุงยางอนามัย แบรนด์ไหนใหญ่ที่สุดในตลาดพันล้าน

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 65 โดยประเมินยอดเงินที่ใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้มีมูลค่า 2,068 ล้านบาท ลดลง 19.20% ต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,176 บาท สาเหตุมาจากเศรษฐกิจแย่ลง ราคาสินค้าแพง รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนกิจกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ คู่รักฉลองวาเลนไทน์ที่บ้านแทนการออกนอกบ้านกว่า 67.9% รองลงมาคือซื้อของขวัญให้คู่รักกว่า 60.3% ทานข้าวนอกบ้าน 29.9% เดินห้างสรรพสินค้ากว่า 29.3% และไปดูหนังกว่า 13.3% โดยในกลุ่มตัวอย่างมีการฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ในวัยทำงาน-โสด มีมากที่สุด 37.8% นักศึกษา 32.5% และนักเรียน 29.7% จากกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์นั้น "ถุงยางอนามัย" จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาททั้งเรื่องความปลอดภัย การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจถุงยางอนามัยที่จะออกโปรโมชั่น หรือแคมเปญ หวังกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ 2565 และชิงส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัยพันล้านให้ได้มากที่สุด อยากรู้มั้ย ปัจจุบันแบรนด์ไหนใหญ่สุด Sanook Money มีข้อมูลดีๆ มาฝากกัน

ข้อมูลจากนีลเส็น (Nielsen) ปี 2563 ระบุว่า มูลค่าตลาดถุงยางอนามัยในไทย โดยรวมอยู่ที่ราว 59.0 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่า 1,188.1 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 95% ในไทยเป็นของ 4 แบรนด์ดัง คือ ONETOUCH, PLAYBOY, durex และ Okamoto โดยถุงยางอนามัยยี่ห้อ durex ครองส่วนแบ่งตลาดในไทยมากถึง 49.7% รองลงมาเป็น ONETOUCH ครองส่วนแบ่ง 31.1%, Okamoto ครองส่วนแบ่ง 11.3%, PLAYBOY 2.7% และแบรนด์อื่นๆ 5.2% ทีนี้เรามาเจาะลึกถึงผลประกอบการในแต่ละแบรนด์กันว่าแบรนด์ไหนรายได้-กำไรมากสุด โดยจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนา ธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ามีรายละเอียดดังนี้

บริษัท เอสเอสแอล แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จำกัด (แบรนด์ durex) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2535 ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 529 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2561 รายได้ 1,677,915,562 บาท กำไร 10,786,709 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 1,895,495,417 บาท กำไร 37,936,000 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 2,326,584,960 บาท กำไร 76,163,986 บาท

บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (แบรนด์ ONETOUCH และแบรนด์ PLAYBOY) จดทะเบียนบริษัทฯ และเริ่มต้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2559 ดำเนินธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2561 รายได้ 1,736.82 บาท กำไร 274.15 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 1,764.87 บาท กำไร 100.10 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 1,760.43 บาท กำไร 111.43 บาท

บริษัท โอกาโมโต รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (แบรนด์ Okamoto) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2546 ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2561 รายได้ 715,265,610 บาท กำไร 104,435,093 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 800,191,892 บาท กำไร 99,066,410 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 821,306,797 บาท กำไร 112,479,331 บาท

จากข้อมูลดังกล่าว ดูเหมือนถุงยางอนามัยสัญชาติอังกฤษอย่าง "durex" ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ONETOUCH, PLAYBOY ปิดท้ายด้วยถุงยางอนามัยสัญชาติญี่ปุ่น Okamoto

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคู่รักจะฉลองวาเลนไทน์อย่างไร หรือที่ไหน ก็อย่าลืมพกถุงยางอนามัย เพื่อความปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ...Happy Valentine's Day!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook