นักเศรษฐศาสตร์ มองขับรัสเซียออกจากระบบ SWIFT อาจสร้างความเสียหาย 2.72 ล้านล้านบาท
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า การที่ชาติตะวันตกได้กันสถาบันการเงินรัสเซียออกจากระบบ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) หลังจากลังเลในการตัดสินใจ เพราะเกรงผลกระทบต่อสถาบันการเงินในยุโรปบางประเทศนั้น มองว่าการไล่รัสเซียออกจากระบบ SWIFT น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจรัสเซียมาก จากการที่รัสเซียต้องพึ่งพารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศจากการขายน้ำมันและพลังงานมากกว่า 40% ของงบประมาณ และคิดเป็น 60% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
ทั้งนี้ ระบบ SWIFT เป็นเครือข่ายการเงินระดับโลก ที่ช่วยให้การโอนเงินข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เชื่อมโยงสถาบันการเงินต่างๆ มากกว่า 11,000 แห่ง ครอบคลุมการให้บริการมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
ดังนั้น หากรัสเซียไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในระบบ SWIFT ได้ย่อมส่งผลต่อการชะงักงันของการส่งออก และกระทบรายได้จำนวนมาก น่าจะทำให้จีดีพีของรัสเซียลดลงไม่ต่ำกว่า 5% ภายในหนึ่งปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 85,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.085 ล้านล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 2.72 ล้านล้านบาท)
การใช้มาตรการคว่ำบาตรให้รัสเซียออกจาก SWIFT นี้ไม่ได้ทำแบบเบ็ดเสร็จ คือ มีการมุ่งเป้าไปยังธนาคารเป้าหมายเท่านั้น ผลกระทบในการสร้างความเสียหายต่อรัสเซียยังคงจำกัดวงอยู่ ไม่ได้มีการ Cut off Completely แต่เป็น Targeted Cut off ตามการร้องขอของเยอรมัน
ซึ่งการ Cut off Completely จะกระทบต่อบริษัทพลังงานในเยอรมันค่อนข้างมาก ขณะที่สถาบันการเงินในเยอรมันและสหรัฐอเมริกาที่ใช้ระบบ SWIFT สื่อสารและทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในรัสเซีย ก็จะได้รับกระทบอย่างมากไปด้วย
นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวย่อมส่งผลต่อตลาดการเงินโลก และสถาบันการเงินบางแห่ง ต้นทุนในการทำธุรกรรมเพิ่มสูงขึ้น และทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันและพลังงานสู่ตลาดโลกได้ตามปกติ ย่อมส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป มาตรการ SWIFT ไม่น่าส่งผลต่อรัฐบาลปูตินในทางการเมืองหรือการทหารมากนัก ขณะเดียวกัน รัสเซียอาจจะไปใช้ระบบ China’s Cross-Border Inter-Bank Payment System หรือคริปโทเคอเรนซีแทน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่สามารถทดแทนระบบ SWIFT ได้
“เราจะได้เห็นสงครามแบบผสมผสานหรือ Hybrid Warfare ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ มาตรการทางเศรษฐกิจ มาตรการการเงิน มาตรการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่สร้างความปั่นป่วนในระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ความระส่ำระสายในระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ และมาตรการการเงิน มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการทำสงคราม จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกโดยภาพรวมด้วย นอกเหนือจากประเทศคู่ความขัดแย้งแห่งสงคราม การปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation: IO) และปฏิบัติการทางจิตวิทยาอย่างมากมาย มีการสร้างข่าวปลอม ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น” นายอนุสรณ์ กล่าว
พร้อมมองว่า คริปโทเคอเรนซีมีบทบาทเพิ่มขึ้น เพื่อการโอนเงินและการชำระเงินระหว่างประเทศในสงครามรัสเซียยูเครน เนื่องจากคริปโทเคอเรนซีมีลักษณะของการเงินแบบกระจายศูนย์ ไม่มีศูนย์กลางควบคุม จึงถูกใช้เพื่อรับมือการคว่ำบาตรทางการเงินและเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย และการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเงินให้กองทัพยูเครน
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเกิดฟองสบู่คริปโทเคอเรนซีแตก เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อุปสงค์ต่อคริปโทเคอเรนซีของรัสเซียและยูเครน ไม่เพียงพอต่อการประคับประคองราคาที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง ในสถานการณ์สงครามเช่นนี้ คริปโทเคอเรนซีที่ได้รับความนิยมจะเป็น Stablecoin ที่ผูกกับเงินดอลลาร์ ประชาชนในยูเครนจะถือ Stablecoin มากกว่าเงินสด เนื่องจากจะปลอดภัยกว่า
สำหรับประเทศไทย หรือสถาบันการเงินไทย ควรระมัดระวังในการถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของระบอบปูติน เพราะผลประโยชน์ทางการเงินที่ได้ไม่คุ้มค่ากับผลเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นติดตามมา จุดยืนของไทย ควรเป็นจุดยืนของการต่อต้านสงคราม และต่อต้านการรุกรานประเทศอื่น และต่อต้านการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สนับสนุนการเคารพบูรณภาพแห่งดินแดน สนับสนุนสันติภาพและการเจรจาเพื่อยุติสงคราม และยุติความรุนแรงนองเลือดเพิ่มเติม ให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเท่าที่ทำได้ต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“นโยบายต่างประเทศควรวางตัวเป็นกลาง เพราะความขัดแย้งและสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น มีความซับซ้อนมาก และประเทศไทยไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากปัญหาดังกล่าว จึงไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย และผู้บริหารนโยบายต่างประเทศต้องรู้ว่าผลประโยชน์แห่งชาติคืออะไร การรักษาสมดุล และการลำดับสำคัญของการดำเนินนโยบายเป็นเรื่องสำคัญ และรัฐบาลต้องรีบจัดส่งหน่วยงานปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครนโดยด่วน” นายอนุสรณ์ กล่าว