Pomelo ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าโต 100% สู่แพลตฟอร์มแฟชั่นเบอร์ 1 ใน SEA
Pmelo แพลตฟอร์มแฟชั่นแบบ omnichannel ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 9 ปีในฐานะจุดหมายปลายทางเรื่องแฟชั่นอันดับ 1 ที่นำเสนอแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์การซื้อขายสินค้าแฟชั่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าในภูมิภาค นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2556 Pomelo เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและมีการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการซื้อขายแบบ omnichannel ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ ในร้านสาขา หรือผ่านทางบริการ Tap Try. Buy. และเพื่อเป็นการสานต่อความเติบโตนี้ Pomelo จึงประกาศแผนการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ 2566 เป็นต้นไป ทั้งในด้านการตลาดและคอนเทนต์ เพิ่มจำนวนแบรนด์บนแพลตฟอร์มของ Pomelo จาก 500 แบรนด์เป็นมากกว่า 2,000 แบรนด์ และเพิ่มสัดส่วนร้านสาขาขึ้นอีกเท่าตัวจาก 27 สาขาเป็น 54 สาขา
ตามรายงานของกูเกิล เทมาเส็ก และ บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะมีมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 โดยหมวดเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุดที่ 3.1 เท่า นอกจากนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ซื้อออนไลน์ 350 ล้านคน ด้วยข้อมูลเหล่านี้ Pomelo เล็งเห็นโอกาสจึงได้วางแผนกลยุทธ์และการลงทุนของบริษัทในปี 2565 และปีต่อๆ ไป ด้วยการเร่งทำงานด้านการตลาดและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับข้อมูลนี้ ควบคู่ไปกับการขยายการเติบโตของแบรนด์และการแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์
"ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อรูปลักษณ์ที่มั่นใจและทัศคติที่ดีต่อตนเองแก่ผู้หญิงทุกคน ผ่านผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่มีคุณภาพ มีสไตล์ ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยของเรา การลงทุนในปี 2565 และปีต่อๆ ไปจะทำให้เราสานต่อการทำงานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของเรา พร้อมทั้งเติมพลังให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแฟชั่นโดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย” เดวิด โจว ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) และ ผู้ร่วมก่อตั้ง Pomelo แฟชั่น กล่าว
Pomelo ตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด (GMV) ให้เติบโตขึ้น 260% ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการลงทุนด้านการตลาดและคอนเทนต์เป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท การลงทุนนี้จะนำไปใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ กำหนดกลยุทธ์และทีมที่ปรับให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่น และสร้างเครื่องมือคิดคอนเทนต์แบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติ และสามารถรองรับการขยายตัวได้ในอนาคต
บริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด (GMV) ให้เติบโตขึ้น สองเท่า สำหรับแบรนด์ใน Pomelo โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตแบรนด์บนแพลตฟอร์มกว่า 2,000 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้
Pomelo มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เอ็กซ์คลูซีฟและมีความหลากหลายจากหมวดหมู่แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับแบรนด์ผ่านศูนย์บริการ Dropship และ Seller Center นอกจากนี้แบรนด์ต่างๆ บน Pomelo จะสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ผู้ขายแห่งใหม่ (Seller Center) การค้าปลีกที่เชื่อมถึงกัน (Connected Retail) และการทำงานแบบข้ามพรมแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA Cross Border) พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมายที่พร้อมก้าวสู่อีกขั้นของการเติบโต
Pomelo เป็นแพลตฟอร์มที่มีแบรนด์มากกว่า 500 แบรนด์ทั้งที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ แบรนด์จากดีไซเนอร์ในภูมิภาคและแบรนด์จากอินสตาแกรมที่กำลังมาแรงที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังได้บรรลุพันธกิจในการนำแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดและตอบรับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดในโลกมาสู่ชุมชนของ Pomelo ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Maybelline, Cotton on และ Urban Revivo และอีกมากมายที่มาเข้าร่วมแพลตฟอร์ม
“สำหรับ Pomelo ประสบการณ์ของลูกค้าคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุดเสมอ นั่นคือที่มาให้ Pomelo นำเสนอบริการ Tap.Try.Buy ที่ช่วยมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริงให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความรู้สึกของการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนสำหรับผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียและ #PomeloGirls กว่า 3 ล้านคน เพราะพวกเขาคือแรงบันดาลใจที่แท้จริงของเราและเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ บริการ Tap.Try.Buy. คิดเป็น 24% ของคำสั่งซื้อทั้งหมด และเป็นการเน้นย้ำว่าเราเป็นผู้นำในเรื่อง omnichannel ส่วนคำสั่งซื้อจากช่องทางอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 40%” เดวิด โจว กล่าวเสริม
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มร้านสาขาขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 54 สาขาทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน Pomelo มีร้านสาขารวม 27 สาขา ทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทพบว่ามีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมทั้งที่ร้านและในแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้นถึง 84% “ในปี 2564 เราได้เปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการในฟิลิปปินส์ เปิดร้านสาขาแห่งแรกในมาเลเซีย เปิดตัวบริการ Tap.Try.Buy. at Home และเปิดตัว Prism หน่วยธุรกิจใหม่ล่าสุดของเราที่จะช่วยหนุนพันธมิตรของแบรนด์ของเราผ่านการจัดหาโซลูชันที่หลากหลายเพื่อช่วยขยายธุรกิจของพวกเขา” เดวิด โจว กล่าวเสริม
ปัจจุบัน Pomelo มีพนักงานมากกว่า 600 คนทั่วภูมิภาค โดยมีสำนักงานทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีน บริษัทกำลังก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นให้พนักงานเป็นศูนย์กลาง ซึ่งบริษัทพยายามพัฒนาทั้งประสบการณ์และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอยู่เสมอ ค่านิยมหลักเรื่องการทำงานที่อยู่เหนือกาลเวลาและยั่งยืนเป็นหลักการสำคัญที่เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่สนับสนุนวิสัยทัศน์ สะท้อนถึงเอกลักษณ์ และกำหนดวัฒนธรรมองค์กรของ Pomelo ตลอดมา และเพื่อก้าวไปข้างหน้าในฐานะบริษัทที่พร้อมสำหรับอนาคต Pomelo กำลังสร้างชุมชนที่มีความหลากหลายครอบคลุม สร้างสถานที่ทำงานแบบไฮบริด สร้างการเรียนรู้ในแบบของ Pomelo และสร้างงานที่มีคุณค่า เพื่อส่งเสริมการเติบโตทั้งสำหรับพนักงาน และชุมชนที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง