ออมสิน-บางจาก-ทิพย กรุ๊ป ร่วมทุนรุกธุรกิจขายฝากที่ดินดอกเบี้ยต่ำ 7-9%

ออมสิน-บางจาก-ทิพย กรุ๊ป ร่วมทุนรุกธุรกิจขายฝากที่ดินดอกเบี้ยต่ำ 7-9%

ออมสิน-บางจาก-ทิพย กรุ๊ป ร่วมทุนรุกธุรกิจขายฝากที่ดินดอกเบี้ยต่ำ 7-9%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ออมสิน-บางจาก-ทิพย์ กรุ๊ป ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด เพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อย ลดปัญหาหนี้นอกระบบ คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 3 พร้อมเปิดตัวสินเชื่อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9%

343572

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากความตั้งใจเริ่มต้นที่ธนาคารออมสินมุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนด้วยต้นทุนดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินจริง ซึ่งประสบความสำเร็จจากการปล่อยสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ที่เปิดให้กู้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ขาดสภาพคล่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงสูญเสียที่ดินติดสัญญาขายฝากอย่างไม่เป็นธรรม โดยผ่อนปรนให้ลูกค้าใช้ที่ดินเป็นหลักประกันการกู้ ภายในระยะเวลา 2 ปี สามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท จึงเกิดเป็นแนวคิดการจัดตั้งบริษัทเข้าทำธุรกิจแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อผลักดันให้เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ ลดโครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริง ให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่มีต้นทุนถูกลงและมีเงื่อนไขที่เป็นธรรม

บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยการร่วมทุนของธนาคารออมสิน ในสัดส่วนหุ้น 49%  กับ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 31% และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 20% โดยธนาคารออมสินทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อ ประสานพลังความร่วมมือพร้อมให้บริการผ่านจุดบริการของทั้ง 3 ฝ่าย มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนรายย่อย ช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างการแข่งขันที่สมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทฯ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 เปิดตัวด้วยสินเชื่อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ในระยะแรก หลังจากนั้นขยายผลไปทำธุรกิจขายฝากภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลต่อไป ตั้งเป้าปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคารออมสินจำนวนมาก และมีจุดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน และทิพย กรุ๊ป รวมถึงจุดให้บริการน้ำมันบางจาก รวมกันกว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศ

343574

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจาก กล่าวว่า กลุ่มบางจากให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการดูแลและมอบช่วยเหลือในช่วงฟื้นฟูจากผลกระทบของโควิด-19 แก่ผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจในทุกภาคส่วน รวมถึงภาคการเกษตร ที่บางจากได้ร่วมทำธุรกิจผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ เครือข่ายปั๊มชุมชน และโครงการด้านพลังงานสะอาด เป็นต้น โดยมองว่าการร่วมทุนในนวัตกรรมทางการเงินอย่างธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ผ่านบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ในครั้งนี้ จะมอบโอกาสใหม่ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและลูกค้าบางจาก ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและต้นทุนสินเชื่อที่เป็นธรรม สำหรับเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินที่จำเป็นต่อการบริโภคหรือการดำเนินธุรกิจ บรรเทาปัญหาภาระหนี้สินและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและประชาชนรายย่อยได้อีกทางหนึ่ง สอดคล้องตามความมุ่งมั่นของกลุ่มบางจาก ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาโดยตลอด

343575

ด้าน นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่มุ่งเน้นการลงทุนไปในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม ประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตลอดจนสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นควบคู่กันไปนั้น สอดคล้องกับการที่ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้เข้าร่วมทุนกับธนาคารออมสิน และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ผ่านบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้ ซึ่งทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชนที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพด้วยดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรม และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนได้ ซึ่งการร่วมลงทุนบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และบริษัทในเครือ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย ในภาวะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การร่วมทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัยในฐานะธุรกิจหลักของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของธุรกิจในโลกอนาคต เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่สำหรับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่จะเข้ามาช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook