ครม. เห็นชอบลดภาษี "รถยนต์รับจ้าง-รถสาธารณะ" ลง 90% ถึง 1 ปี

ครม. เห็นชอบลดภาษี "รถยนต์รับจ้าง-รถสาธารณะ" ลง 90% ถึง 1 ปี

ครม. เห็นชอบลดภาษี "รถยนต์รับจ้าง-รถสาธารณะ" ลง 90% ถึง 1 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครม. เห็นชอบลดภาษี "รถแท็กซี่-สามล้อ-วินเมอร์เตอร์ไซค์" ลง 90% นาน 1 ปี เริ่มต้นจ่าย 10 บาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.ฎ. ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. .... เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบการรถสาธารณะ ได้แก่ รถแท็กซี่, รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายจากราคาพลังงานโลกที่มีการปรับตัวสูงขึ้น เพราะวิกฤตพลังงานรอบใหม่ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ จากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กระทบต่อเศรษฐกิจที่อาศัยการนำเข้าพลังงานมากถึง 75%

ทำให้ต้นทุนการประกอบการของรถสาธารณะเพิ่มขึ้นกระทบรายได้ผู้ประกอบอาชีพ อาจจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต โดยร่างร่าง พ.ร.ฎ.ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้

กำหนดให้ลดอัตราภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อและรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีรถประจำปีระหว่างวันที่ 1 ต.ค.65-30 ก.ย. 66 ลง 90% ของอัตราภาษีประจำปีท้าย พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 22 ดังนี้

รถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่)

  • น้ำหนักรถ 1,300 กก. เสียภาษี 68.50 บาท จากเดิม 685 บาท
  • น้ำหนักรถ 2,000 กก. เสียภาษี 106 บาท

รถยนต์รับจ้างสามล้อ

  • น้ำหนักรถ 500 กก. เสียภาษี 18.50 บาท จากเดิม 185 บาท จากเดิม 1,060 บาท

รถจักรยานยนต์สาธารณะ (อัตราภาษีจะคิดต่อคัน)

  • เสียภาษี 10 บาท จากเดิม 100 บาท

โดยมาตรการลดอัตราภาษีในครั้งนี้ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 70,257,501.07 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.197 ของภาษีของรถทุกประเภททั้งหมดที่จัดเก็บ จึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของ กทม. และ อปท. เพียงเล็กน้อยแต่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะได้อีกมาตรการหนึ่ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพ รถแท็กซี่ และรถยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตน ตาม ม.33 ม. 39 และม. 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ไปแล้ว รวม 16,694 คน (แท็กซี่ จำนวน 12,918 คนและวินมอเตอร์ไซค์ จำนวน 3,776 คน) โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าของชีพคนละ 5000 บาท/เดือน รวม 16,694 คน ภายใต้กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook