ข่าวหุ้นไทยวันนี้ 22 ก.ย. 65 ปรับลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังเฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ยถึงปี 66
นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลงลงตามตลาดหุ้นเอเชีย เป็นไปตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด แต่ยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปถึงปี 66 สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังแข็งค่าต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับลงอาจส่งผลกดดันหุ้นพลังงานวันนี้ พร้อมให้ให้แนวต้าน 1,640-1,650 จุด แนวรับ 1,620-1,610 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลง และตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ แม้ว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ 0.75% เป็นไปตามคาด แต่ประธานเฟดยังคงมีการส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปจนถึงปี 66 และไม่มีท่าทีว่าชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเห็นการเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 66 บ้าง ทำให้เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเข้ามา
ขณะเดียวกันค่าเงินดอลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้กดดันต่อสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังมีแรงกดดันเข้ามา และอาจจะมีแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยเข้ามาเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นพลังงานในวันนี้ และกดดันต่อดัชนีด้วย
โดยให้แนวต้าน 1,640-1,650 จุด แนวรับ 1,620-1,610 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,183.78 จุด ร่วงลง 522.45 จุด หรือ -1.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,789.93 จุด ลดลง 66.00 จุด หรือ -1.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,220.19 จุด ร่วงลง 204.86 จุด หรือ -1.79%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 27,053.58 จุด ลดลง 259.55 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,080.93 จุด ร่วงลง 363.69 จุด หรือ -1.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,098.77 จุด ลดลง 18.41 จุด หรือ -0.59%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,633.45 จุด ลดลง 5.14 จุด, -0.31%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,096.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.ย.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(21 ก.ย.) ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 82.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 2565
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.ย.) อยู่ที่ 2.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 37.25 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์แข็งค่ารับเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ¶
- “อาคม” รับเงินบาทอ่อนค่าเร็ว ห่วงกระทบ “เงินเฟ้อ” ชี้เกิดจากปัจจัยเงินดอลลาร์แข็งเร็ว เร่งถก ธปท รับมือ เชื่อเมื่อ “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยสูงสุด เงินบาทจะปรับตัวดีขึ้น “ประวิตร” รับอยากเห็นบาทแข็งค่า ย้ำ 35 บาทต่อดอลลาร์เหมาะสม ด้าน “กรุงไทย” ชี้บาทอ่อนค่าตามภูมิภาคกว่า 10% จากแรงหนุนดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และตลาดรับรู้ผลประชุมเฟด ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งสหรัฐ เอเชีย พร้อมใจปิดตลาดติดลบ ท่ามกลางคาดการณ์เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย
- คกก.โรคติดต่อฯ เห็นชอบมาตรการ “โควิด-19” เป็นโรคเฝ้าระวัง ไม่มีอาการ-น้อย ไม่ต้องกักตัว เข้าไทยไม่ต้องยื่นเอกสารวัคซีน-ผล ATK เริ่ม 1 ต.ค. “ท่องเที่ยว” รับสัญญาณบวก ปลุกเชื่อมั่น กระตุ้นบรรยากาศเดินทาง หนุนฟื้นตัว “ประวิตร” ประชุม “ศบค. ชุดใหญ่” 23 ก.ย. ลุ้นมีมติยกเลิกการประกาศใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
-“กองทุนน้ำมัน” เตรียมใช้ E20 น้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน เล็งถ่างราคาขายปลีกต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 3 บาท คาดนำร่องได้ในช่วงธ.ค.หรือม.ค.ปีหน้า เตรียมยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 ผ่านกลไกราคา ส่วนดีเซล B7 เป็นน้ำมันพื้นฐานดีเซล - ศาล รธน.มติเอกฉันท์รับวินิจฉัย 2 กม.เลือกตั้งขัด รธน.หรือไม่ หลังวุฒิสภาแห่เข้าชื่อยื่น สั่ง ปธ.กกต.แจงใน 15 วัน ขณะที่ กกต.เตรียมแผนเลือกตั้งแล้ว สภาฯ อยู่ครบวาระ จ่อกำหนดหย่อนบัตร 7 พ.ค. 66 รับสมัคร 3-7 เม.ย.66 หากยุบสภาฯ กำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน นับแต่ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ ใช้บังคับ ด้านแกนนำ ปชป.ดี๊ด๊า! อ้าแขนรับ “มาดามเดียร์” ซบค่ายแม่ธรณีพรุ่งนี้ เผยเงื่อนไขลงปาร์ตี้ลิสต์ 10 ต้นๆ พ่วงฝ่ายบริหารภาค กทม.หวังกู้ที่นั่งในสนาม กทม.หลังสูญพันธุ์
หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 14.5 บาท คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ทุกกลุ่มธุรกิจกลับสู่โหมดฟื้นตัว ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาน้ำมันลดลงและค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นบวกกับ EPG โดยตรงเนื่องจาก 60%ของรายได้มาจากต่างประเทศ
- BDMS (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 32 บาท ลูกค้า Non-COVID ในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเด่น ทำให้ผู้บริหารมีการขยับเป้าหมาย รายได้ปีนี้เติบโต 15-20% (เดิม 12-15%) ผสานครึ่งปีหลังคาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะกลับเข้าไปสู่ระดับ Pre-COVID ได้ ซึ่งจะเป็นจุดที่ช่วยหนุนกำไรเติบโตมากยิ่งขึ้น
- BANPU (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 14.50 บาท ราคาถ่านหินและก๊าซจะทรงตัวในระดับสูงบนภาวการณ์ขาดแคลนพลังงานที่ยุโรป ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยุโรป และ High Season (ราคาถ่านหิน New Castle Coal ล่าสุดอยู่ที่ USD 444.5/ตัน +162%YTD ธุรกิจก๊าซในสหรัฐที่ BANPU ไป M&A มาในช่วงต้นปี จะเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง (ปริมาณการขายก๊าซจะเพิ่มขึ้นราว 35% เทียบกับ Q2/65A) DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 4.12 หมื่น ลบ. และ 3.1 หมื่น ลบ. +235%YoY , -37%YoY ตามลำดับ