เลือกซื้อลายสร้อยทองรูปพรรณแบบไหนถึงทนทานที่สุด
วิธีเลือกซื้อลายทองรูปพรรณ เช่น สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ แหวนทอง ให้ทนทานมากที่สุด
ใครที่กำลังมองหาทองรูปพรรณ จะต้องรู้เกี่ยวกับลวดลายของทองรูปพรรณ เพราะมันจะสะท้อนถึงความแข็งแรง และความทนทานในการใช้นั่นเอง โดยเว็บไซต์ Ausiris ระบุว่า การเลือกซื้อ ทองรูปพรรณ อย่าง สร้อยคอทองคำ, สร้อยข้อมือ หรือแหวนทอง นอกจากจะเลือกซื้อที่น้ำหนักทอง เช่น ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง, 1 บาท หรือ 2 บาท แล้ว หลายท่านยังให้ความสำคัญกับความเล็ก-ใหญ่ของทอง ทองน้ำหนักเท่ากัน เช่น 1 บาทเท่ากัน สามารถผลิตออกมาให้ดูเล็ก-ใหญ่ต่างกันได้มาก บางชิ้นบางคู่ดูต่างกันเป็นเท่าตัวเลยก็มี ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นทองแบบโปร่งก็จะดูใหญ่ หรือแบบตันก็จะดูเล็ก ซึ่งทองแบบตันก็จะแข็งแรงทนทานกว่าทองแบบโปร่งเมื่อเทียบที่ทองน้ำหนักเท่ากันและลายเดียวกัน
นอกจากทองโปร่งทองตันแล้ว ลายของทองก็มีผลต่อความทนทานของทองรูปพรรณ
- ลายสร้อยทองแน่น ๆ อย่าง ลายเปีย, สี่เสา, กระดูกงู, เบนซ์, ซีตรอง เป็นลายที่มีการทอลวดทองต่อๆ กัน ยิ่งถ้าเป็นแบบตันด้วยแล้ว จะมีความแข็งแรง ทนทานในตัวลายเอง เหมาะสำหรับคนที่ใส่ทองติดตัวตลอดเวลา หรือคนที่ชอบใส่สร้อยทองห้อยพระเครื่อง
- ลายสร้อยทองคล้องหรือมีส่วนเชื่อมต่อกันบาง อย่าง ทาโร่, ไข่ปลา, ปล้องอ้อย, ลายโซ่น้ำหนักน้อยๆ เป็นลายที่มีโอกาสบุบหรือขาดง่ายกว่า เป็นลายพื้นฐานยอดนิยมสำหรับผู้หญิงและเด็ก ซึ่งจะมีเป็นลายสร้อยข้อมืออีกด้วย โดยสามารถเลือกแบบตันได้เพื่อความแข็งแรงขึ้น
ส่วนแหวนทอง ก็มีแบบโปร่ง-แบบตันเช่นกัน ที่มีผลต่อความทนทาน บุบเบี้ยวยาก-ง่าย เรื่องน้ำหนักทองก็มีผลเช่นกัน เช่น แหวน 0.6 กรัม, แหวน 1 กรัม ย่อมมีความแข็งแรงทนทานน้อยกว่าแหวนครึ่งสลึง, 1 สลึง หรือ 1 บาท เพราะมีเนื้อทองน้อยกว่า
ส่วนเรื่องลายของแหวนก็มีผลอยู่บ้าง เช่น ลายแฟนซีอย่างที่มีปลาโลมา มีหัวใจ มีดาว เป็นลายหน้าแหวน ซึ่งต้องไปดึงเนื้อทองจากส่วนที่เป็นวงแหวนมาใช้ไปกับส่วนที่เป็นลวดลายนี้ด้วย อาจจะทำให้วงแหวนบางกว่าแบบที่เป็นวงเรียบอย่างแหวนปอกมีด ที่มีแต่วงแหวนล้วนๆ ซึ่งก็จะทนทานกว่าแม้จะมีน้ำหนักเท่ากัน