เคียวเซร่า ชี้ปัจจัยบวกส่งผลตลาดเครื่องพิมพ์โต
นายโยชิฮิโระ โอยามะ กรรมการผู้จัดการ (MR Oyama Yoshihiro) บริษัท เคียวเซร่า ด็อคคิวเม้นท์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เคียวเซร่าได้นำเทคโนโลยีที่คิดค้นและพัฒนาล่าสุดของเราและเข้าใจพื้นฐานความคิดที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมของเคียวเซร่าได้มากยิ่งขึ้น วันนี้ เคียวเซร่า เป็นน้องใหม่ในตลาดอุตสาหกรรมการพิมพ์ เนื่องจากอุตสาหกรรมการพิมพ์ จะมีวิธีการพิมพ์ 2 แบบ คือ 1. การพิมพ์แบบอะนาล็อก หรือ เรียกว่า Offset printing ซึ่งเป็นการพิมพ์จากแม่พิมพ์ 2.การพิมพ์แบบดิจิทัล อย่าง Inkjet หรือ Toner type สำหรับสัดส่วนรูปแบบการพิมพ์บน Global market ปัจจุบันเป็นการพิมพ์แบบอะนาล็อกอยู่ที่ 80% และการพิมพ์แบบดิจิทัล อยู่ที่ 20% ซึ่งสัดส่วนการเพิ่มดิจิทัลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
“จากปัญหาของเครื่องอะนาล็อก (Analog) ที่มีชิ้นส่วน อะไหล่หลายอย่าง (Supply parts) ในบริการเพื่อดูแลและบำรุงรักษาส่วนต่างๆ (Maintenance service) รวมทั้งต้องมีบุคคลากรที่มีทักษะเข้ามาการดำเนินการดูแล ปัจจุบันความต้องการของลูกค้าที่ต้องการพิมพ์งานมีความหลากหลายแบบ และพิมพ์จำนวนที่ไม่มากในแต่ละครั้งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่การพิมพ์แบบ Offset printing ของระบบอะนาล็อกไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมการพิมพ์ เริ่มเลือกเครื่องพิมพ์แบบดิจิทัล เพื่อรองรับปัญหาที่เกิดจากจุดอ่อนของเครื่องพิมพ์แบบ Offset เพราะDigital printing จะมีเทคโนโลยีการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท หมึกน้ำ และโทเนอร์ผงหมึกแห้ง แบบ Electrophotography/ โดยเฉพาะการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทยังมีจุดที่ดีกว่าการพิมพ์แบบ toner (Electrophotography) ที่การพิมพ์เร็วกว่า และโครงสร้างเครื่องที่ไม่ซับซ้อนแต่ทนทาน
บริษัทฯ มีเทคโนโลยีอิงค์เจ็ทและเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ toner (Electrophotography) ทั้งสองแบบ โดยเราได้พัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีของหัวพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ได้นำ Technology feed paper ของ High speed A3 MFP ซึ่งออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนาน การผสานสองเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน เพราะเครื่องสามารถพิมพ์ได้มากถึง 1 ล้านแผ่นต่อเดือน นอกจากนี้เคียวเซร่า ยังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าต่อจากรุ่น TASKalfa Pro 15000c โดยจะมีรุ่นที่รองรับการพิมพ์ด้วยกระดาษม้วน (roll paper) และรุ่นรองรับการพิมพ์ลงผ้า (Textile printing)
นายสุเมธ จันทร์เกษมพงษ์ ผู้จัดการธุรกิจการพิมพ์ บริษัท เคียวเซร่า ด็อคคิวเม้นท์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภายในงาน PACK PRINT INTERNATIONAL 2022 ไบเทค บางนา บริษัท เคียวเซร่า ด็อคคิวเม้นท์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) ได้นำผลิตภัณฑ์เรือธง “Kyocera - TASKalfa Pro 15000c” ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ดิจิทัลคุณภาพสูง รองรับการพิมพ์ปริมาณสูงเชิงพาณิชย์ เครื่องพิมพ์ดิจิทัลอิงค์เจ็ท TASKalfa Pro 15000c ได้ออกแบบให้มีการดูแลรักษาน้อยและใช้งานง่าย เมื่อเทียบกับระบบการใช้งานเครื่องพิมพ์ดิจิตัลระบบเดิม ซึ่งต้องใช้ช่างประจำเครื่อง แต่รุ่นนี้ช่างที่คุมเครื่องอิงค์เจ็ทสามารถเรียนรู้การใช้งานเครื่องได้ในเวลาอันสั้น มีขนาดกระทัดรัด ติดตั้งได้ในพื้นที่จำกัดเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ดิจิตัลความเร็วสูง เครื่องพิมพ์ Inkjet Water-Based ของ KYOCERA รุ่น TASKalfa Pro 15000c ถือว่าในตลาดปัจจุบันเราไม่มีคู่แข่งหรือคู่เทียบโดยตรง เราใช้พื้นที่ในการติดตั้งเพียง 1 ใน 5 ส่วนเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ดิจิตัลความเร็วสูงอื่น ๆ ช่วยประหยัดเพราะกินไฟน้อย และใช้ไฟบ้านได้โดยไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนเป็นระบบไฟโรงงาน
ที่ผ่านมาตลาดและกลุ่มลูกค้าของเคียวเซร่าหลักจะเป็นกลุ่มเครื่องพิมพ์ที่ใช้ในออฟฟิศ แต่แนวโน้มของกลุ่มนี้มีความต้องการลดปริมาณการใช้กระดาษเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเคียวเซร่าจึงเข้ามาโฟกัสตลาดการพิมพ์เชิงพาณิชย์มากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีทีมเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญและความพร้อมที่จะช่วยลูกค้า รวมทั้งยังมีเครื่องมือโซลูชั่นและประสบการณ์ในธุรกิจการพิมพ์มายาวนาน
“จุดแข็งของเคียวเซร่า ในฐานะผู้ผลิตหัวพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet) ซึ่งมีความชำนาญและประสบการณ์ทางเทคนิค รวมถึงประสบการณ์ในการเลือกใช้กระดาษและกระบวนการพิมพ์ภาพ นอกจากนี้เคียวเซร่ามีโรงงานผลิตเครื่องถ่ายเอกสารและผงหมึกโทนเนอร์ของเราเอง พร้อมด้วยทีมวิศวกรเคมีที่พัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีน้ำหมึกอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี ซึ่งจากความชำนาญและประสบการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันสู่การพัฒนาระบบพิมพ์ ทำให้เคียวเซร่าได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้าในหลายกลุ่มธุรกิจ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ โรงพิมพ์ มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นความก้าวหน้าต่อไปของเทคโนโลยีการพิมพ์ ในกลุ่มผู้ที่ใช้ปริมาณงานพิมพ์น้อยที่สุดของการพิมพ์เชิงพาณิชย์ มีหลายกลุ่มงานที่มีงานผลิตในปริมาณ 80-100 แผ่นผ่านระบบเครื่องถ่ายเอกสาร จากปัจจัยปริมาณงานพิมพ์ที่ต้องใช้ระบบการพิมพ์เชิงพาณิชย์ ทั้งกระบวนการผลิตซึ่งต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก ทำให้ตลาดการพิมพ์ถูกแบ่งขั้ว ดังนั้นจึงมีช่องว่างระหว่างการพิมพ์ด้วยระบบ Electrophotography (ระบบเครื่องถ่ายเอกสาร) 80-100 แผ่นต่อนาที ที่กำลังจะถูกแทนที่ หากวิเคราะห์ในตลาดกลุ่มงานพิมพ์ ในระบบผงหมึก ที่มีงานพิมพ์ปริมาณสูงจะผลิตงานพิมพ์อยู่บนเครื่องพิมพ์ระบบ Toner ที่ความเร็วในการพิมพ์ช้ากว่า (มีต้นทุนที่สูง) หรือใช้ระบบ Inkjet ที่ต้นทุนหมึกสูง ราคาเครื่องแพง ด้วยเหตุผลนี้ เราเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องดี ถ้าเราสามารถมอบทางเลือกที่ 3 ให้ได้ ระหว่างระบบการพิมพ์ดิจิทัลพริ้นท์ แบบ Laser Toner ที่ช้า และต้นทุนต่อแผ่นสูง กับระบบอิงค์เจ็ทที่ต้นทุนต่อแผ่นต่ำ แต่ราคาหมึกและราคาเครื่องสูง ด้วยเครื่องพิมพ์ระบบ Inkjet ป้อนแผ่นที่มีความเร็วในการพิมพ์ 150 แผ่น A4 สี่สี ต่อนาที กับต้นทุนเครื่องที่สามารถลงทุนได้ ซื้อได้ นับเป็นความท้าทายและโจทย์ที่เคียวเซร่ามองเห็นโอกาสในการเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มธุรกิจการพิมพ์เชิงพาณิชย์”
จุดเด่นของ Kyocera - TASKalfa Pro 15000c เป็นหัวพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบแถวสำหรับการพิมพ์แบบ single-pass ที่รวดเร็ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้เร็ว 150 หน้าต่อนาที และต่อเนื่องถึง 9,000 แผ่น (ขนาด A4) ต่อชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเรา จะช่วยรักษาสภาพของหัวพิมพ์โดยการละลายและขจัดหมึกแห้งออกจากพื้นผิวของหัวพิมพ์ ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพ และรองรับการใช้งานพิมพ์ได้สูงถึง 1 ล้านแผ่นต่อเดือน พร้อมความแม่นยำที่ทำให้ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับกระดาษจะคลาดเคลื่อนเพียง ± 0.5 มม. หรือน้อยกว่า ให้เกิดความแม่นยำสูงในการพิมพ์ หน้าและหลัง โดยไม่มีใช้ชิ้นส่วนใดขยับเคลื่อนตัวในการรับส่งกระดาษ
ทั้งนี้เคียวเซร่า คิดค้นและออกแบบเครื่องพิมพ์ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลกำไรกับงานที่มีอยู่ของธุรกิจการพิมพ์ของคุณ ทั้งจากงานที่มีอยู่จะทำให้เห็นผลกำไรในทันที แนวโน้มการพิมพ์บนข้อมูลที่แปรเปลี่ยน B Variable Data Printing เช่น โบวชัวร์ แผ่นพับ แผ่นพิมพ์โฆษณา เป็นต้น ที่มีการพิมพ์จำนวนมาก และปรับเปลี่ยนบ่อย ที่ช่วยประหยัดต้นทุนกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง