ค่าเงินบาทวันนี้ 7/12/65 เปิดที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย

ค่าเงินบาทวันนี้ 7/12/65 เปิดที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย

ค่าเงินบาทวันนี้ 7/12/65 เปิดที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ค่าเงินบาทไทยเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดอยู่ที่ระดับ 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (7 ธ.ค.) ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์

แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า ค่าเงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ หากบรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในระยะสั้นและกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง (โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้) 

นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่อาจไหลออกจากตลาดหุ้นไทยก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ 

อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมากนัก โดยยังคงมองแนวต้านสำคัญในโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยในฝั่งปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทนั้น เรามองว่าโฟลว์ซื้อสุทธิบอนด์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติทั้งบอนด์ระยะสั้นและบอนด์ระยะยาว รวมถึงแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออกบางส่วนก็อาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

ความกังวลแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนอาจแตะระดับสูงกว่าที่ตลาดคาด (ไม่เกิน 5.00%) หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการบริการโดย ISM รวมถึงข้อมูลตลาดแรงงานนั้นออกมาดีกว่าได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ต่างเดินหน้าเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์Growth (Nvidia -3.8%, Amazon -3.0%, Apple -2.5%) ทำให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.00% ส่วนดัชนีS&P500 ปิดตลาด -1.44% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน(Exxon Mobil -2.8%, Chevron -2.6%) ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเฟดอาจฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงหนัก จนกระทบความต้องการใช้พลังงานได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook