กกพ. ประกาศตรึงค่าไฟฟ้ารอบใหม่งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 66
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศ Ft ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ให้สิทธิประชาชนใช้ก๊าซอ่าวไทยก่อน ส่งผล Ft ของกลุ่มผู้ใช้ไฟประเภทบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่นใช้ก๊าซส่วนเหลือทำให้ค่า Ft ขยับขึ้นไปที่ 190.44 สตางค์ต่อหน่วยในบิลค่าไฟงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ.เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.วานนี้พิจารณาผลการคำนวณค่า Ft ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอตามแนวทางที่ กพช.เห็นชอบ ประจำงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่อัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นที่อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย การคำนวณค่า Ft ตามแนวทางดังกล่าวนี้ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่อัตรา 5.69 บาทต่อหน่วย
“ปัจจัยหลักที่กระทบค่า Ft ในรอบนี้มาจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้ามาทดแทนการลดลงของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและก๊าซธรรมชาติในเมียนมาตามการประมาณการ ปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติในการคิดค่า Ft ในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย.66 และภาระการทยอยจ่ายคืนหนี้ Ft กฟผ.”นายคมกฤช กล่าว
การพิจารณาในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากที่ประชุม กพช. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.65 มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน ม.ค.-เม.ย. 66 โดย “ให้จัดสรรก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซฯ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรกในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน”
ดังนั้น กพช.จึงมอบหมายให้ กกพ. ไปคำนวณค่า Ft สำหรับบ้านอยู่อาศัย ตั้งแต่ใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้า ม.ค.-เม.ย.66 และ ให้ บมจ.ปตท. (PTT) ร่วมกับ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบราคาก๊าซธรรมชาติต่อค่าไฟฟ้า โดยให้ PTT คิดราคาก๊าซธรรมชาติกับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้ประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรปรับอัตราค่า Ft ตั้งแต่เดือนที่ กพช. มีมติเป็นต้นไป และให้นำส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติจริงกับราคาก๊าซธรรมที่เรียกเก็บดังกล่าวไปทยอยเรียกเก็บคืนในการคำนวณค่า Ft รอบถัดไป
กกพ. จึงจำเป็นต้องปรับการคำนวณค่า Ft เดือน ม.ค.-เม.ย.66 ที่ได้รับฟังความเห็นไปแล้วให้สอดคล้องกับมติดังกล่าว ดังนี้
1. ให้ PTT ทบทวนการประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติใหม่อีกครั้งให้สอดคล้องกับมติ กพช. และแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกระทรวงพลังงาน เช่น (1) เพิ่มการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อทดแทนการนำเข้า LNG ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกและความสามารถในการขนส่งน้ำมันดีเซลให้กับโรงไฟฟ้า (2) เพิ่มปริมาณก๊าซในอ่าวไทยในการผลิตไฟฟ้า โดยลดปริมาณก๊าซอ่าวไทยเข้าโรงแยกก๊าซแล้วส่งมาผลิตไฟฟ้าเพื่อทดแทนก๊าซจากเมียนมาที่ลดลง (3) ปรับปรุงสมมุติฐานราคานำเข้า LNG Spot อ้างอิงตามแนวโน้มที่ดีขึ้น และ (4) เดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 4 ที่ปลดแล้วตามความจำเป็น เป็นต้น
การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ประมาณการราคา Pool Gas ลดลงจาก 552 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 493 บาทต่อล้านบีทียู ต่อมาจึงคำนวณโดยแบ่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยหลังโรงแยกฯ เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าให้บ้านอยู่อาศัยก่อน ทำให้บ้านอยู่อาศัยสามารถใช้ก๊าซในราคา 238 บาทต่อล้านบีทียู และจัดสรรก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยส่วนที่เหลือรวมกับก๊าซจากสหภาพพม่าและ LNG สำหรับผู้ใช้ก๊าซรายอื่นๆ (Pool Gas ส่วนเหลือ) ในราคา 542 บาทต่อล้านบีทียู
2. ให้ กฟผ. ปรับสมมุติฐานราคาเชื้อเพลิงตามแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานและมติ กพช. โดยปรับการคำนวณ Ft ใหม่โดยใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในราคา 238 บาทต่อล้านบีทียูแทนทดแทนราคาก๊าซธรรมชาติเดิมสำหรับการคิดค่า Ft ในกลุ่มบ้านอยู่อาศัย และใช้ราคาก๊าซธรรมชาติส่วนที่เหลือ (Pool Gas ส่วนเหลือ) ในราคา 542 บาทต่อล้านบีทียูทดแทนราคาก๊าซธรรมชาติเดิมสำหรับการคิดค่า Ft ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ
3. กกพ. พิจารณาภาระการเงินและภาระหนี้สินสะสมของ กฟผ. ให้มีการทยอยจ่ายคืนหนี้ Ft คงค้างเพื่อไม่ให้เป็นภาระปัญหาสภาพคล่องของ กฟผ. และไม่เกิดภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป โดย กฟผ. ขอเสนอให้เฉลี่ยยอดหนี้ ณ เดือน ส.ค.65 จำนวน 122,257 ล้านบาท โดยเฉลี่ยการเรียกเก็บไปเป็นเวลา 2 ปี