ยื่นภาษี 2565 เช็กสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในกลุ่มการออม-ลงทุน

ยื่นภาษี 2565 เช็กสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในกลุ่มการออม-ลงทุน

ยื่นภาษี 2565 เช็กสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในกลุ่มการออม-ลงทุน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยื่นภาษี 2565 สายลงทุน-การออม ต้องรู้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการออมและการลงทุนอะไรได้บ้าง

ยื่นภาษี 2565 มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี ต้องเตรียมตัวยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีการออม หรือการลงทุนในสินทรัพย์ หรือกองทุนต่างๆ จะต้องเตรียมขอเอกสารจากบริษัทหลักทรัพย์เพื่อใช้ประกอบในการขอลดหย่อนภาษีด้วย ซึ่งในกลุ่มการออม-ลงทุน สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆ กัน

กลุ่มลดหย่อนภาษีจากการออม-ลงทุน

กองทุนรวมเพื่อการออม SSF (Super Saving Funds)

  • กองทุนรวมเพื่อการออมที่ลงทุนหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนดัชนี ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ปรับรูปแบบมาจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) ที่ลงทุนในหุ้นเป็นหลัก
  • จำนวนสูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
  • ต้องซื้อระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 65 ถึงจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2565 ได้
  • ถือครองอย่างน้อย 10 ปี โดยไม่สามารถขายได้ หากขายก่อนครบกำหนด ถือว่าผิดเงื่อนไขลดหย่อนภาษี และต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับการยกเว้น
  • จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน SSF เมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund)

  • หักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ
  • ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี อย่างน้อยปีเว้นปี
  • ลงทุนอย่างน้อย 5 ปีเต็ม นับจากวันที่ลงทุนวันแรก โดยนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
  • ต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
    เมื่อซื้อ RMF รวมกับกองทุนรวม SSF, กบข. , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนรองเลี้ยชีพ

  • ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 10,000 บาท ส่วนเงินที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเงินได้ เพื่อเสียภาษี สามารถนำเงินส่วนเกินนี้ไปหักออกจากเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายได้
  • เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF, กองทุนรวม RMF, กบข., กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

  • ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี
  • เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF, RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน

  • ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี
  • เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF, กบข., RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

  • ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 13,200 บาท
  • เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF, กบข., RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม)

  • ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • บุคคลธรรมดาที่ลงหุ้น หรือลงทุน (ทั้งกรณีจัดตั้งและเพิ่มทุน) ในธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) โดยธุรกิจนั้นต้องจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมประเภทไม่ประสงค์แบ่งปันกำไร
  • ผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีต้องถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนจนกว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมนั้นเลิกกิจการ เว้นแต่กรณีที่กำหนด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook