เปิด 3 ช่องทาง เช็กผลลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 "ผ่าน-ไม่ผ่าน"
ตรวจสอบสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 บัตรคนจน รอบใหม่ ประกาศผล "ผ่าน-ไม่ผ่าน" กับ 3 ช่องทาง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประมวลผลที่ได้รับจากหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 44.51 ล้านคน และเตรียมที่จะประกาศผลการตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือน ม.ค. 66 โดยสามารถตรวจสอบสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ ได้ 3 ช่องทาง คือ
- ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
- ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ)
- สำนักงานคลังจังหวัด
- ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
- สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
- ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- โทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 แล้วพบว่า ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์ได้ตามช่องทางและวันที่กระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารหรือความคืบหน้าต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ การประมวลผลการตรวจสอบคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 มีความครอบคลุมและมีการตรวจสอบที่ละเอียดกว่าโครงการลงทะเบียนฯ ในอดีต เนื่องจากมีการใช้เกณฑ์ครอบครัวเข้ามาพิจารณาเพิ่มเติมจากเดิมที่พิจารณาเฉพาะเกณฑ์บุคคล โดยครอบครัว หมายถึง ผู้ลงทะเบียน คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส และบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ อีกทั้งในครั้งนี้มีการเพิ่มเติมคุณสมบัติสำหรับเกณฑ์บุคคล ได้แก่ การมีบัตรเครดิต และภาระหนี้สินของผู้ลงทะเบียน
ซึ่งการพิจารณาการตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนในครั้งนี้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์บุคคลก่อน หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลแล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของคู่สมรสและบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ (หากมี) ตามเกณฑ์ครอบครัวในขั้นตอนต่อไป
หากพบว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติและผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดำเนินโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 มีการพัฒนาเกณฑ์การคัดกรองเพื่อให้ระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยได้แม่นยำมากขึ้น โดยเป็นการปรับปรุงฐานข้อมูลผู้มีสิทธิใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับการดำเนินโครงการลงทะเบียนฯ มีการดำเนินการครั้งแรกตั้งแต่ปี 2559 ตามดำริของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการปฏิรูปการดำเนินนโยบายการจัดสรรสวัสดิการของประเทศไทย โดยในปี 2559 มีผู้ได้รับสุทธิประมาณ 7.7 ล้านราย และต่อมาในปี 2560 และปี 2561 ได้มีการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ รอบใหม่อีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์ในการยกระดับประสิทธิภาพการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐให้สามารถระบุตัวตนของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริงผ่านการบูรณาการข้อมูลข้ามหน่วยงาน และสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการจัดสรรสวัสดิการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐให้กับผู้มีรายได้น้อยที่สมควรจะได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างแท้จริงอันนำไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนในสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน
ซึ่งการโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2560 และปี 2561 ได้มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามโครงการลงทะเบียนฯ ไว้เพื่อใช้ในการคัดกรองผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 14.6 ล้านรายในช่วงเริ่มต้น และข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบันมีจำนวน 13.22 ล้านราย ซึ่งในปี 2565 งบประมาณการที่ได้รับสำหรับสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ การใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชน เข้าสู่เศรษฐกิจฐานรากโดยตรงอีกทางเพราะผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้วงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค และแก๊สหุงต้มกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ร้านประชารัฐของกองทุนหมู่บ้าน ร้านถุงเงินประชารัฐ และร้านก๊าซหุงต้มชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ารายย่อยที่มีความเกี่ยวข้องกับชุมชนจึงถือเป็นการกระจายเข้าสู่ร้านค้าชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก