คนยื่นภาษีควรรู้! วิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี-สมัครพร้อมเพย์ ต้องทำอย่างไรถึงได้เงินเร็ว
คนยื่นภาษีปี 2565 ต้องรู้ วิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี สมัครพร้อมเพย์ เพื่อรับเงินคืนแบบไฮสปีด ต้องทำอย่างไร มัดรวมไว้ที่นี่
ใครที่ยื่นแบบภาษี และมีสิทธิได้เงินคืนภาษีคงติดตามเฝ้ารอรับเงินคืนภาษีกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ Sanook Money ได้รวบรวมวิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี รวมถึงทำอย่างไรให้ได้รับเงินคืนไวเหมือนติดไฮสปีดมาฝากกัน
วิธีตรวจสอบเงินคืนภาษี
เมื่อเรายื่นแบบภาษีผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรแล้ว สามารถติดตามการตรวจสอบเงินคืนภาษีได้ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร https://rd.go.th/272.html และคลิกที่เมนู "ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี"
จากนั้นกรอกรหัสเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือ ชื่อผู้ใช้งาน e-filing, รหัสผ่าน และ Laser ID หลังบัตรประจำตัวประชาชน และกดเข้าสู่ระบบ
เมื่อคลิกเข้าสู่ระบบแล้ว จะเจอหน้า ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ปัจจุบัน หากมีเบอร์ใหม่ สามารถเลือกกรอกเบอร์ได้เลย คลิก ขอรหัส OTP
จากนั้นจะพบหน้าข้อมูลส่วนตัว ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ข้อมูลภาษี จากนั้นให้คลิกที่ ติดตามสถานะและส่งเอกสาร เท่านี้ก็สามารถ ตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี ได้แล้ว
สำหรับสถานในระบบการตรวจสอบเงินคืนภาษีจะดังนี้
- ยื่นแบบภาษี คือ ยืนยันการยื่นภาษีสำเร็จแล้ว
- นำส่งข้อมูล คือ กำลังประมวลผลข้อมูลที่เราส่งเข้าในระบบ
- พิจารณาคืนภาษี คือ กำลังพิจารณาข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่อยู่ โดยสถานะนี้เจ้าหน้าที่อาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา
- ส่งคืนภาษี คือ ยืนยันจะได้เงินคืนภาษีอย่างแน่นอน และเจ้าหน้าที่กำลังจะโอนเงินคืนภาษีให้ สำหรับผู้ที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนจะได้รับเงินคืนใน 3-5 วันทำการ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์จะได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษี (ค.21) หรือเช็คผ่านทางไปรษณีย์ แล้วจึงนำเช็คนี้ไปรับเงินภาษีคืนที่ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้เวลาประมาณ 15 วัน
- ได้รับคืนภาษี คือ สรรพากรคืนเงินภาษีให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วิธีได้เงินคืนภาษีไวแบบไฮสปีด
อยากได้เงินคืนภาษีไว หลักๆ จะอยู่ที่ 2 ตัว คือ เอกสาร และช่องทางการรับเงินคืนภาษี เพราะถ้าเกิดขัดข่องจะทำให้เราได้รับเงินคืนภาษีล่าช้าตามไปด้วย ฉะนั้น สิ่งที่จะช่วยให้เงินคืนภาษีเข้าบัญชีได้ไวมีดังนี้
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
เอกสาร เป็นหลักฐานเดียวที่จะพิสูจน์รายรับ รายจ่าย รวมถึงการลงทุนของเราได้ ถ้ายื่นเอกสารไม่ครบ กรมสรรพากรก็จะขอเรียกดูเพิ่มเติม แถมใช้เวลาพิจารณาคืนเงินภาษีนานขึ้น ซึ่งเราควรจะเตรียมเอกสารให้พร้อมเมื่อยื่นภาษีดังนี้
- หนังสือรับรองเงินเดือนและการหักภาษี (ใบทวิ 50)
- เอกสารที่เกี่ยวกับค่าลดหย่อน อาทิ เอกสารการซื้อกองทุนต่างๆ , หนังสือรับรองการจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ, เอกสารการรับรองบุตร และ ทะเบียนสมรส เป็นต้น
- ใบเสร็จต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น ใบเสร็จจากการบริจาคเงิน และใบเสร็จที่ใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลอย่าง โครงการช้อปดีมีคืน 2565 เป็นต้น
อัปโหลดเอกสารเพิ่มเติมให้กรมสรรพากร
การกรอกข้อมูลในระบบ e-Filing อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะกรมสรรพากรจะเรียกดูเอกสารเพิ่มเติมได้เสมอ ฉะนั้น ใครที่ต้องการจะนำส่งเอกสารให้สรรพากรเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปที่ระบบ E-Refund บนเว็บไซด์กรมสรรพากรแล้วคลิกที่ "นำส่งเอกสารประกอบพิจารณาการคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" แล้วอัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องลงไปเลย
การอัพโหลดเอกสารต้องใช้ไฟล์รูปภาพอย่าง JPG, PNG, BMP, TTF และ PDF ขนาดไม่เกิน 20 MB แยกเป็นประเภทเงินได้ หรือประเภทรายการลดหย่อน แล้วตั้งชื่อไฟล์เป็นรายการที่เราต้องการนำส่งเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบของสรรพากรนั่นเอง
ผูกพร้อมเพย์ (PromptPay) กับบัญชี
ปัจจุบันกรมสรรพากรมีการคืนภาษีผ่านระบบพร้อมเพย์ หรือระบบจ่ายเงินอัตโนมัติ ผู้เสียภาษีต้องทำการผูกพร้อมเพย์ไว้กับบัตรประชาชนและบัญชีของตัวเองไว้ก่อน และหากผ่านการพิจารณาคืนภาษี กรมสรรพากรก็จะโอนเงินภาษีนั้นคืนใน 3-5 วันทำการ
สิ่งที่ต้องใช้ลงทะเบียนพร้อมเพย์มีแค่ 3 อย่าง ได้แก่
- สมุดบัญชีเงินฝาก/เลขที่บัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน) แต่ต้องเป็นชื่อเราเท่านั้น
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน
- หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
จากนั้นนำเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือไปผูกกับบัญชีเงินฝากใดก็ตาม สามารถลงทะเบียนกรอกข้อมูลได้ทั้งหมด ดังนี้
- ตู้ ATM
- Mobile Banking
- สาขาธนาคาร
- เว็บไซต์ธนาคาร
ส่วนคนที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ไว้ กรมสรรพากรจะส่งเช็คคืนภาษีให้ผ่านไปรษณีย์ เพื่อให้ผู้เสียภาษีนำเช็คนั้นไปขึ้นเงินที่ธนาคารอีกที โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน